Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

ความผิดปกติของการสบฟันในผู้ป่วยวัยเด็ก

MU DENT faculty of dentistry

ความผิดปกติของการสบฟันในผู้ป่วยวัยเด็ก

อ.ทพ.พงศธร พู่ทองคำ

ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน

การสบฟันลึก หมายถึง ระยะเหลื่อมแนวดิ่งที่ฟันหน้ามากกว่า 1/3 ของความสูงของฟันหน้าล่าง สามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะฟันน้ำนมและระยะฟันชุดผสม (ช่วงที่ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบและยังมีฟันน้ำนมเหลืออยู่) ในการรักษาจะอาศัยการแก้ไขด้วยเครื่องมือทันตกรรมจัดฟันชนิดถอดได้ หรือเครื่องมือฟังก์ชันนอล เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกรล่าง

การสบฟันเปิด ที่พบได้บ่อย มักพบที่ฟันหน้าบนล่างไม่สบกัน โดยส่วนใหญ่เกิดจากการดูดนิ้ว การกลืนที่ผิดปกติ โดยในการรักษาควรให้ฝึกวางตำแหน่งลิ้นให้กลืนอย่างถูกต้อง ร่วมกับการใช้เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ โดยอาจเป็นเครื่องที่ช่วยในการขยายขากรรไกร หรือเป็นเครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น

 

ฟันสบคร่อม หมายถึง ลักษณะที่ฟันล่างสบคร่อมฟันบน (โดยปกติฟันบนจะสบคร่อมฟันล่าง) พบได้ทั้งในฟันหน้าและฟันหลัง ฟันสบคร่อมควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว ด้วยการใส่เครื่องมือถอดได้ที่ติดสปริงหรือสกรูและเพลทเพื่อยกฟันหลัง และสามารถดันฟันที่สบคร่อมออกมา หรืออาจใช้ร่วมกับเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นก็ได้

 

ฟันซ้อนเก มักพบในระยะฟันชุดผสม ฟันแท้ที่ขึ้นมาทดแทนจะมีขนาดใหญ่กว่าฟันน้ำนมที่หลุดออกไป ฟันจึงขึ้นมาเบียดซ้อนกัน หรือเกิดจากการสูญเสียฟันน้ำนมบางซี่ไปก่อนกำหนด ทำให้ฟันข้างเคียงเคลื่อนที่เข้ามาแทน การรักษาขึ้นอยู่กับการตรวจวินิจฉัยโดยทันตแพทย์ว่าควรทำเลยหรือรอจนฟันแท้ขึ้นจนครบได้

 

คราวนี้ทุกคนก็พอจะทราบแล้วว่าลักษณะการสบฟันที่ผิดปกติในวัยเด็กเป็นอย่างไร สาเหตุหลักๆ มักมีด้วยกัน 3 ประการ

1. จากการมีลักษณะนิสัยการดูดนิ้ว, การกลืนที่ผิดปกติ ซึ่งเรื่องนี้คุณแม่คุณพ่อก็ต้องดูกันตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ กันเลย
2. การดูแลฟันน้ำนมไม่ถูกต้อง ทำไมต้องดูแลฟันน้ำนมให้ดี เพราะฟันน้ำนมนอกจากจะมีไว้บดเคี้ยวตามธรรมชาติ ช่วยในการออกเสียงแล้วยังเป็นผู้ดูแลช่องว่างเตรียมไว้ให้ฟันแท้ที่จะขึ้นมาทดแทนด้วย ถ้าเสียฟันน้ำนมไปก่อนเวลาอันควรช่องว่างสำหรับฟันแท้จะมีไม่พอ เกิดปัญหาฟันซ้อนเกตามมาได้
3. สาเหตุจากกรรมพันธุ์ ไม่เพียงแต่มีผลเฉพาะกับฟัน เช่น ลักษณะรูปร่างของฟัน ขนาดฟัน จำนวนฟัน เท่านั้น ยังส่งผลต่อลักษณะของโครงหน้าอีกด้วย เช่น หน้ากลม หน้ารูปไข่ หน้าเหลี่ยม คางสั้น คางยื่น เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจประเมิน วินิจฉัย และให้การรักษาที่เหมาะสมจากทันตแพทย์เฉพาะทางสาขา ทันตกรรมจัดฟัน

 

อาหารและของว่าง เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของเด็ก

MU DENT faculty of dentistry

อาหารและของว่าง เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของเด็ก

อ.ทพ. ธีรวัฒน์ ทัศนภิรมย์

ภาควิชาทันตกรรมชุมชน

 

สุขภาพช่องปากและฟันที่ดีคืออะไร
ถ้าพูดถึงสุขภาพช่องปากแล้ว หลายๆ คนอาจจะคิดถึงแค่สุขภาพฟันเท่านั้น คิดว่าสุขภาพช่องปากที่ดีคือการมีสุขภาพฟันที่ดี แต่ที่จริงแล้วช่องปากของเรามีอวัยวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม กล้ามเนื้อบดเคี้ยวหรือแม้แต่ข้อต่อขากรรไกร

ดังนั้นการมีสุขภาพช่องปากที่ดีจะไม่ได้หมายถึง การที่ไม่มีโรคเกี่ยวกับฟันเท่านั้น แต่หมายถึง ภาวะที่ปราศจากโรคของฟัน เหงือก และอวัยวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบดเคี้ยว ไม่มีอาการเจ็บ ไม่ปวด รวมถึงไม่มีความผิดปกติอื่นๆ เช่นกรณีแผลในช่องปากหรือมีหนอง มีกลิ่นปากหรือแม้กระทั่ง การมีเนื้องอกต่างๆ ในช่องปาก ซึ่งการมีสุขภาพช่องปากที่ดีจะส่งผลทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย นั่นก็คือเราจะสามารถรับประทานอาหาร ได้อย่างปกติ มีความสุขในการกิน ซึ่งจะส่งผลให้เราเจริญอาหารและมีสุขภาพร่างกายที่ดี

นอกจากนี้การที่เราไม่มีการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการเจ็บ อาการปวดระหว่างรับประทานอาหารหรือว่าระหว่างทำงาน ก็จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ สุขภาพภาพช่องปากที่ดีก็เกี่ยวกับการเข้าสังคมด้วยเหมือนกัน นั่นก็คือ ถ้าเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องความสวยงามหรือเรื่องกลิ่นปากต่างๆ เราก็จะสามารถใช้ชีวิตเข้าสังคมได้อย่างมีความมั่นใจ ไม่เสียบุคลิก

 

ควรจะทำอย่างไรเพื่อจะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี
การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีนั้นไม่ยากเลย แต่ว่าต้องอาศัยความใส่ใจคือต้องรักษาความสะอาดของช่องปากให้ดี นั่นก็คือแปรงฟันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แล้วใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ

 

 
 

รวมถึงในเรื่องของอาหารการกินด้วย เราก็ต้องดูแลใส่ใจในการเลือกอาหารการกิน เช่น เราไม่ควรจะทานอาหารที่มีลักษณะเหนียวและแข็งบ่อยๆ เพราะจะทำให้ช่องปากของเราทำงานหนัก ซึ่งจะมีผลทำให้เราปวดขากรรไกร หรือทำให้ฟันสึกได้ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ พฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพราะว่าถ้าเราทานอาหารจุกจิก จะทำให้ฟันเราสัมผัสกับอาหารบ่อยขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ฟันของเรามีโอกาสที่จะผุมากขึ้น

 
 
 

อย่างสุดท้ายที่จะทำให้เรามีสุขภาพช่องปากที่ดี คือ ควรมาพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ตรวจสุขภาพช่องปากของเราว่ายังอยู่ในสภาวะที่ปกติหรือไม่ ถ้าเจอปัญหาอะไร จะได้แก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ การที่เราไม่มาพบทันตแพทย์เป็นระยะเวลานาน บางครั้งเรามีปัญหาในช่องปากแต่เราอาจไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็สายไป เมื่อมาพบทันตแพทย์ การรักษาอาจจะยากขึ้น หรือว่าไม่สามารถรักษาฟันซี่นั้นๆ ได้อีกต่อไป