Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

ผลกระทบของเชื้อในช่องปากต่อสุขภาพกาย

MU DENT faculty of dentistry

ผลกระทบของเชื้อในช่องปากต่อสุขภาพกาย

โรคปริทันต์

คอฟันสึก

MU DENT faculty of dentistry

คอฟันสึก

อ.ทพญ. สุธารัตน์ ชัยเฉลิมศักดิ์

โรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

คอฟันสึกคืออย่างไร
หลายคนคิดว่า ต้องแปรงฟันแรงๆ จึงจะสะอาด …
หลายคนคิดว่า การแปรงฟันแบบถูไปๆ มาๆ จะสะอาดได้ดี …
หลายคนคิดว่า ต้องใช้แปรงสีฟันแข็งๆ …
เหล่านี้ก่อให้เกิดผลเสียนะคะ เพราะว่าการแปรงฟันแรงๆ การแปรงฟันแบบถูไปๆ มาๆ การใช้แปรงสีฟันแข็ง จะเป็นเครื่องมือช่วยเสริม ให้เกิดการทำลายเนื้อฟัน โดยเฉพาะบริเวณคอฟันได้ เรียกว่า “ฟันสึก” การสึกของฟันที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เกิดการทำลายของชั้นเคลือบฟัน ทำให้ชั้นเนื้อฟันมีส่วนสัมผัสกับสภาพในช่องปาก มีการพบบ่อยที่ฟันกรามน้อยและฟันเขี้ยว เพราะเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับแปรงสีฟันได้ง่ายและพบมากในคนที่ขยันแปรงฟัน

 

สาเหตุของคอฟันสึก

– แปรงฟันผิดวิธี ใช้ขนแปรงแข็งเกินไป
– ใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดมาก หรือมีลักษณะหยาบมากๆ แล้วใช้ประจำคราบที่ติดตัวฟันอาจจะออกง่าย แต่ก็ทำให้คอฟันสึกได้ง่ายเช่นกัน

 

อาการของผู้ที่มีฟันสึก

ถ้าสึกเล็กน้อยจะไม่มีอาการ แต่ถ้าสึกมากขึ้นผู้ป่วยอาจมีอาการเสียวฟัน โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด เปรี้ยวจัด เย็นจัด หรือเสียวฟันขณะแปรงฟัน ซึ่งหากปล่อยให้ฟันสึกไปเรื่อยๆ โดยไม่รักษา ฟันจะสึกมากขึ้น เข้าไปใกล้โพรงประสาทฟัน ทำให้เปลี่ยนจากเสียวฟันเป็นปวดฟันได้

 

การรักษา

– ถ้าสึกเล็กน้อย ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรักษา
– ในคนที่ฟันสึกไม่มาก และมีอาการเสียวฟัน หมอจะแนะนำให้ใช้ยาสีฟันชนิดที่มีส่วนผสมของสารลดการเสียวฟัน ซึ่งก็จะใช้ระงับอาการได้เป็นครั้งคราว
– แต่ถ้าสึกมาก ทันตแพทย์ก็จะอุดบริเวณคอฟัน โดยใช้สารที่เรียกว่า Composite Resin หรือ Glass ionomer
– ถ้าสึกถึงโพรงประสาทฟันผู้ป่วยจะมีอาการปวดต้องทำการรักษาคลองรากฟัน แล้วตามด้วยการอุดฟัน หรือครอบฟัน

 

การป้องกัน

– แปรงฟันด้วยแปรงขนอ่อน แทนขนแปรงแข็งปานกลาง แปรงให้ถูกวิธี แปรงเบาๆ และใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ นาน 2 – 3 นาที วันละ 2 – 3 ครั้ง
– ใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่มีโพแทสเซียมหรือสตรอนเทียม เพื่อลดอาการเสียวฟัน ยาสีฟันที่ช่วยลดเสียวฟันมักจะมี คำว่า ‘sensitive’ = เซนซิทีฟ หรือไวต่อความรู้สึกพิมพ์อยู่ในฉลาก
– ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟัน ทำความสะอาดบริเวณซอกฟันเป็นประจำ
– ตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 – 12 เดือน

เสียวฟัน

MU DENT faculty of dentistry

เสียวฟัน

อ.ทพญ. สุธารัตน์ ชัยเฉลิมศักดิ์

โรงพยาบาลทันตกรรมมหาจักรีสิรินธร คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

อาการเสียวฟัน เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน จากหลายการวิจัยพบว่า ร้อยละ ๘ – ๕๗ ประสบปัญหาการเสียวฟันอย่างน้อยครั้งหนึ่งหรือมากกว่า เสียวฟันเป็นอาการที่ไม่พึงปรารถนาทําให้เกิดความรําคาญจนยิ้มไม่ออก และวันนี้เรามาทําความรู้จักกับอาการเสียวฟันกัน เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุแนวทางป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธี

อาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เกิดจากการตอบสนองของเส้นประสาทในฟันที่ไวกว่าปกติต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก อาทิ อาหาร เครื่องดื่มร้อนหรือเย็น รวมไปถึงลม หรือแม้กระทั่งการแปรงฟัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ทําอันตรายต่อเนื้อเยื่อและฟัน โดยปกติฟันของเราจะถูก ปกป้องด้วยเคลือบฟัน (enamel) และเหงือก เมื่อเคลือบฟันของเราสึก แตกออก หรือเหงือกร้นมากขึ้น เนื้อฟัน (dentine) จะถูกเปิดออกให้สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอกสิ่งเหล่านี้ทําให้เกิดอาการเสียวฟันไดัง่าย

 

สาเหตุของอาการเสียวฟัน

อาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หากเกิดในวัยเด็กสาเหตุมาจากฟันผุ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่และผู้สูงอายุนั้น อาการเสียวฟันอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น คอฟันสึก โรคปริทันต์ เหงือกร่น ฟันสึก ฟันร้าว ฟันแตก ฟันผุ ฟันผุซํ้าบริเวณฟันที่ได้รับการอุดแล้ว มีพฤติกรรมชอบรับประทานอาหารรสเปรี้ยว เสียวฟันหลังจากได้รับการอุดฟันมาใหม่ๆ หรือ เสียวฟันหลังจากขูดหินปูนมาใหม่ๆ เป็นต้น

 

การรักษาอาการเสียวฟัน

สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คือ ปรึกษาทันตแพทย์ วินิจฉัยว่าอาการเสียวฟันนั้นเกิดจากสาเหตุใดเพื่อที่จะได้รักษาอาการตามสาเหตุนั้นๆ

๑. เสียวฟันเนื่องจากฟันผุ หรือฟันที่ได้รับการอุดแล้ว จะรักษาด้วยการอุดฟันโดยเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับ ตําแหน่งและขนาดของรอยโรคนั้นๆ อาการเสียวฟันก็จะหมดไป เนื่องจากวัสดุอุดฟันนั้นสามารถปิดท่อเล็กๆ ภายในเนื้อ ฟันได้ทั้งหมด ป้องกันมิให้มีการกระตุ้นต่อท่อเล็กๆ ดังกล่าว ถ้าเสียวฟันหลังจากอุดฟันไปใหม่ๆ อาจเกิดจากวัสดุอุดสูงเกินไป หรือเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของวัสดุอุดบางจุด หรือเป็นผลข้างเคียงจากวัสดุชนิดนั้นๆ หากอาการไม่ดีขึ้นควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไข กรณีที่อาการเสียวฟันเกิดหลังจากอุดฟันไปนานสักระยะหนึ่งแล้ว สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฟันผุเพิ่มหรือวัสดุอุดฟันชํารุด ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่ออุดฟันใหม่

๒. เสียวฟันเนื่องจากฟันสึก มักเกิดกับผู้ป่วยที่แปรงฟันแรง นาน ใช่ขนแปรงแข็ง หรือแปรงฟันผิดวิธี หากฟันซี่นั้นๆ สึกมากทันตแพทย์จะทําการอุดฟันซี่นั้น ก็สามารถกําจัดอาการเสียวฟันได้ แต่หากฟันสึกไม่มาก ทันตแพทย์ก็จะใช้ฟลูออไรด์ หรือสารลดอาการเสียวฟันซึ่งมีหลายชนิด เช่น ๐.๔% Stannous Fluoride Gel (Gel-Kam) หรือ duraphat เป็นต้น ทาบริเวณนั้น ร่วมกับปรับพฤติกรรมในการแปรงฟันให้ถูกวิธี

๓. เสียวฟันเนื่องจากโรคปริทันต์และเหงือกร่น หากเป็นโรคปริทันต์ควรรับการตรวจรักษาจากทันตแพทย์ ส่วนอาการเสียว ฟันที่เกิดจากเหงือกร่น ทันตแพทย์จะแก้ไขสาเหตุอาจร่วมกับการใช้ฟลูออไรด์ หรือสารลดอาการเสียวฟันซึ่งมีหลายชนิด เช่น ๐.๔% Stannous Fluoride Gel (Gel-Kam) หรือ duraphat เป็นต้น ทาบริเวณนั้นร่วมกับปรับพฤติกรรมในการแปรงฟันให้ถูกวิธี


๔. เสียวฟันเนื่องจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ฟันร้าว ฟันแตก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

 

วิธีป้องกันอาการเสียวฟัน

๑. แปรงฟันถูกวิธี ผู้ที่ชอบแปรงฟันแรงๆ และแปรงฟันผิดวิธี มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดอาการเสียวฟันมาก วิธีทําความสะอาดฟันที่มีอาการเสียวฟันอย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้แปรงที่ขนอ่อนนุ่มแปรงรอบๆ และใต้แนวเหงือก ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างเหงือกและส่วนบนของซี่ฟัน ไม่ควรแปรงฟันแรงเกินไป และควรทําความสะอาดให้ทั่วทุกซอกฟันโดยการใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี

๒. ควรลดการรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือเปรี้ยวจัด เพราะอาจมีผลให้เคลือบฟันค่อยๆ สึกออกจากผิวฟัน ทําให้เนื้อฟันถูกเปิดออก

๓. พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก ๖ เดือน

พฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อฟันที่คุณรัก

MU DENT faculty of dentistry

พฤติกรรมที่ส่งผลร้ายต่อฟันที่คุณรัก

ผศ.ร.ท.ทพ. ชัชชัย คุณาวิศรุต

ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง

1. การใช้ฟันเป็นเครื่องมือ
หลายคนใช้ฟันเป็นเครื่องมือในการเปิดขวดหรือเศษถุงฉีกขาดเทปพลาสติก, ตัดป้ายราคาเสื้อผ้าออก เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะฟันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการบดเคี้ยวอาหารเท่านั้น การใช้ฟันผิดหน้าที่ เช่น นำไปกัดหรือฉีกถุงพลาสติก อาจทำให้ฟันหน้าบิ่นหรือแตกหักเสียหายได้

 

2. เคี้ยวน้ำแข็ง
น้ำแข็งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันแข็ง ถึงจะเคี้ยวแล้วมันจะได้ความกรุบกรอบ สนุกสนาน แต่อาจทำให้ฟันที่ใช้เคี้ยวน้ำแข็งเกิดอาการฟันร้าว นำไปสู่การเสียวฟัน และปวดฟัน หรือในบางรายที่ไม่มีอาการดังกล่าวอาจจะทำให้ฟันสึกมากและเร็วกว่าปกติ รวมถึงทำให้ฟันแตกหัก จนต้องถอนฟันได้

 

3. ทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวจัด
อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวมีความเป็นกรดสูง และความเป็นกรดนี้จะทำให้เนื้อฟันบริเวณที่สัมผัสมีลักษณะอ่อนนุ่มลง และจะทำให้ฟันสึกมากกว่าปกติได้ ดังนั้นหากต้องการดื่มเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าหรือบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าตามทันทีเพื่อลดระยะเวลาที่อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว และไม่ควรแปรงฟันทันทีเพราะเนื้อฟันยังมีลักษณะนิ่มหลังจากสัมผัสกับกรด การแปรงฟันทันทีอาจส่งผลให้ฟันึกเร็วขึ้น

 

4. การใช้ไม้จิ้มฟัน
การใช้ไม้จิ้มฟันบ่อยๆ และใช้แบบผิดวิธี อาจทำให้ฟันห่างขึ้น และเป็นอันตรายต่อเหงือกควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดระหว่างซอกฟันหรือแปรงซอกฟัน

 

5. กัดเล็บ
การกัดเล็บนอกจากจะทำให้เล็บไม่สวยและเสียบุคลิกภาพนอกจากนี้ตามซอกเล็บยังมีสิ่งสกปรกซ่อนอยู่ ดังนั้นการกัดเล็บอาจเป็นหนทางทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้

 
 
 

6. ดูดนิ้วหัวแม่มือ
การดูดนิ้วหัวแม่มือในเด็ก จะส่งผลต่อการขึ้นของฟัน ทำให้ฟันขึ้นในตำแหน่งที่ผิดปกติ เนื่องจากนิ้วหัวแม่มือไปดันฟันไว้ และทำให้เกิดความผิดปกติของกระดูกใบหน้าขากรรไกรได้

 

7. การสูบบุหรี่จัด การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการเคี้ยวหมาก
การสูบบุหรี่และการเคี้ยวหมาก จะทำให้มีคราบสกปรกติดแน่นในช่องปาก ทำให้มีคราบหินน้ำลายมาเกาะได้ง่ายและนำไปสู่การเป็นโรคเหงือก โรคปริทันต์และสูญเสียฟันต่อไป นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคมะเร็งในช่องปากอีกด้วย การดื่มการดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลให้คนไข้ลืมหรือไม่ใส่ใจในการทำความสะอาดช่องปากและมีผลเสียกับสุขภาพร่างกายอีกด้วย

 

8. ดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป
น้ำอัดลมมีความเป็นกรดเช่นเดียวกับน้ำมะนาว การดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ จะทำให้เนื้อฟันมีลักษณะนิ่ม มีการสึกที่เร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ ในน้ำอัดลมยังมีน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญต่อการเกิดฟันผุอีกด้วย

 

9. การนอนกัดฟันโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุของการนอนกัดฟันโดยไม่รู้ตัวยังไม่เป็นที่แน่ชัด ความเครียดอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นอนกัดฟันได้ วิธีการป้องกันคือการใส่เฝือกสบฟันในขณะนอนเพื่อช่วยลดการสึกของฟันและป้องกันการเกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อใบหน้าและข้อต่อขากรรไกร

 

ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีพฤติกรรมดังที่กล่าวมาขอให้เลิกเสียตั้งแต่วันนี้ … เพราะพฤติกรรมข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลร้ายแต่ฟันที่คุณรัก หันมาใส่ใจและทะนุถนอมฟันของเรากันดีกว่า ด้วยการทำความสะอาดฟัน ด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือน เราจะได้มีฟันสวยๆ อย่าคู่กับเราไปตลอดชีวิต

 

รอยฟันสึก

MU DENT faculty of dentistry

รอยฟันสึก

ผศ.ดร.ทพญ. เยาวลักษณ์ เงินวิวัฒน์กุล

ภาควิชาทันตกรรมชุมชน

รอยฟันสึกที่เกิดจากการประกอบอาชีพ (Abrasion from Occupation)

รอยฟันสึกที่เกิดจากการประกอบอาชีพ (Abrasion from Occupation) นั้นสามารถเกิดจากกระบวนการที่เป็นการเสียดสีหรืออาจเกิดจากการทำงานกับสารเคมีบางชนิด ซึ่งในแผ่นพับนี้จะเน้นการเสียดสีที่เกิดได้จากการประกอบอาชีพ

 

รอยฟันสึก (Abrasion)

รอยฟันสึกนี้เกิดจากการที่มีวัตถุแปลกปลอมเสียดสีหรือถูบริเวณผิวฟันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นซ้ำเป็นเวลานาน สาเหตุหลักคือการใช้ฟันหน้าที่ผิดหน้าที่ ได้แก่ การใช้ฟันหน้าในการกัดด้ายเย็บผ้าหรือเข็ม

 

การกระทำเหล่านี้นำไปสู่การสึกของฟันหน้า อาชีพที่พบรอยสึกเช่นนี้ ได้แก่ ช่างเย็บผ้า ช่างไม้ ช่างจักสาน ตามลำดับ ในการดำเนินงานโครงการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาแนวคิดการดูแลทันตสุขภาพของผู้ด้อยโอกาสในท้องถิ่นทุรกันดารของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าในชุมชนที่มีอาชีพจักสานเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมในชุมชนนั้นๆ จะพบว่ามีรอยสึกที่ฟันหน้าด้านเพดานฟันบนและรอยสึกที่ฟันหน้าล่างด้านริมฝีปากซึ่งเป็นการสึกถึงระดับที่ชั้นเนื้อฟัน ในกรณีรุนแรงอาจพบการสึกเกินกึ่งหนึ่งของตัวฟันซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากอย่างยิ่ง ดังนั้นการให้ความรู้เพื่อให้เกิดความตระหนักในการใช้ฟันผิดหน้าที่ในกลุ่มเสี่ยงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

 

การวินิจฉัยรอยสึก

โดยทั่วไปเริ่มจากการสอบถาม ซักประวัติ เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของครอบครัว ตลอดจนการศึกษาประวัติศาสตร์ชุมชน และอาชีพเสริมภายในชุมชน ส่วนการตรวจสอบทางคลินิกของรอยสึกมีสองวัตถุประสงค์หลัก ได้แก่ การบันทึกตำแหน่ง ลักษณะของรอยสึก และระดับความลึกของรอยสึก

การบูรณะฟันที่สึก

วิธีการรักษา ใช้วิธีอุดฟันหรือครอบฟันแต่ทั้งนี้ ความสำเร็จของการรักษาในระยะยาวจะขึ้นกับการดูแลสุขภาพในช่องปากที่ดีควรมีวิธีแนะนำให้ผู้ป่วยทราบถึงสาเหตุและหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดรอยสึกขึ้นอีก

 

การป้องกัน

ควรมีการให้ความรู้เพื่อให้เกิดความตระหนักในการใช้ฟันผิดหน้าที่ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมดังกล่าวตลอดจนมีการดูแลในช่องปากและพบทันตแพทย์อย่างต่อเนื่อง