Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ บริการวิชาการ งานวิจัย การดูแลผู้ป่วยเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ กับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ บริการวิชาการ งานวิจัย การดูแลผู้ป่วยเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ กับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568  คณะทันตแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ บริการวิชาการ งานวิจัย การดูแลผู้ป่วยเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ กับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข  โดยมีรองศาสตราจารย์ ทันตแพทย์บัณฑิต  จิรจริยาเวช คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้แทน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ร่วมกับ นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยมี แพทย์หญิงเพ็ญพักตร์ เกริกมธุกร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์สุรกิจ วิสุทธิวัฒนกร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ณ พิพิธภัณฑ์สิรินธรทันตพิพิธ  อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา ชั้น 1 คณะทันตแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล

ความร่วมมือในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความตระหนักร่วมกันระหว่าง คณะทันตแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ถึงความสำคัญของการดูแลผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะปากแหว่ง เพดานโหว่ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ รวมถึงพัฒนาทักษะของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่การเข้าถึงบริการ การตรวจประเมิน วินิจฉัย วางแผนการรักษา และการรักษาอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนางานวิชาการ งานวิจัย และการให้บริการทางสาธารณสุขในด้านการดูแลผู้ป่วยเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ ตลอดจนการต่อยอดองค์ความรู้ทางทันตแพทยศาสตร์ และการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงศาสตร์สาขาอื่น ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาให้ดียิ่งขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จของทั้งสองสถาบันและสังคม ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน