ในการมาหาหมอฟันแต่ละครั้งจำเป็นด้วยหรือที่ต้องเอกซเรย์ฟัน
การมาพบทันตแพทย์แม้ว่าจะเป็นการมาตรวจฟันครั้งแรกหรือมาพบตามนัดนั้น แต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องเอกซเรย์ฟันทุกครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาว่าสมควรต้องส่งเอกเรย์ฟันหรือไม่ โดยพิจารณาการตรวจในช่องปาก การซักประวัติภาพรังสีที่เคยมี การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ (Caries risk assessment) และการประเมินสภาวะสุขภาพช่องปากและร่างกาย นำมาประกอบกันเพื่อพิจารณาความเหมาะสมหรือความจำเป็นในการส่งถ่ายเอกซเรย์ ซึ่งภาพเอกซเรย์ที่ใช้ในทางทันตกรรมนั้นมีหลายแบบ เช่น ภาพรังสีรอบปลายราก ภาพรังสีกัดปีก ภาพรังสีปริทัศน์และภาพรังสีกะโหลกศีรษะ เป็นต้น
กรณีใดบางที่จะต้องทำการถ่ายภาพเอกซเรย์ฟัน
ภาพเอกซเรย์เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่มีส่วนช่วยทันตแพทย์ในการให้การวินิจฉัยโรค วางแผนการรักษาตลอดจนการติดตามผลการรักษา ภาพเอกซเรย์ฟันจึงมักใช้ประกอบการรักษาทางทันตกรรมต่างๆ เช่น
– การเอกซเรย์ฟันเพื่อถอนฟันหรือผ่าฟันคุด : ในงานถอนฟันและผ่าฟันคุดนั้น ภาพเอกซเรย์มีประโยชน์มาก ตั้งแต่ การวินิจฉัยโรคก่อนถอนฟัน การศึกษารายละเอียดของฟัน เช่น ความโค้งงอของรากฟัน ขนาดของรอยผุซึ่งจะส่งผลให้ฟันแตกได้ง่ายขณะถอนฟัน ลักษณะและตำแหน่งของฟันคุดว่าอยู่ใกล้กับกายวิภาคที่สำคัญหรือไม่ เช่น อยู่ใกล้กับโพรงอากาศแก้มเส้นประสาทขากรรไกรล่าง เป็นต้น และภาพรังสียังใช้ในการติดตามผลการถอนฟันในกรณีที่เกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนหลังถอนฟัน เช่น รากฟันหัก แผลถอนฟันไม่หาย เป็นต้น
รูปที่ 1 ภาพรังสีรอบปลายรากบริเวณฟันกรามล่างซ้าย แสดงฟันคุดซึ่งมีลักษณะปลายรากฟันโค้งงอ (ศรชี้)
– การเอกซเรย์เพื่อตรวจดูรอยผขุองฟันด้านประชิด : รอยผุบริเวณด้านประชิดนั้น ตรวจพบได้ยากโดยเฉพาะรอยผุที่มีขนาดเล็กหรือรอยผุซ้ำใต้ขอบวัสดุ ภาพรังสีกัดปีกจึงมีประโยชน์และเป็นวิธีที่เหมาะสมในการตรวจหารอยผุด้านประชิดควบคู่ไปกับการตรวจในช่องปาก นอกจากนี้ภาพรังสีกัดปีกยังช่วยประเมินสุขอนามยช่องปากของผู้ป่วยอีกด้วย
รูปที่ 2 ภาพรังสีกัดปีก นิยมใช้ตรวจหารอยผุบริเวณด้านประชิด ซึ่งจะเห็นเป็นลักษณะเงา โปร่ง รังสีหรือเงาดำ (ศรสีเหลือง)
และยังช่วยประเมินสุขอนามัยช่องปากของผู้ป่วย จากภาพจะพบเงาทึบรังสีหรือเงาขาวของหินปูนที่บริเวณคอฟัน (ศรสีแดง)
– การเอกซเรย์ฟันเพื่อการรักษารากฟัน : ภาพเอกซเรย์ฟันมีบทบาทสำคัญในการรักษาคลองรากฟันโดยทันตแพทย์ผู้ทำการรักษาจะนำภาพรังสีไปใช้ประเมินว่าฟันซี่นั้นๆ สมควรได้รับการรักษาคลองรากฟันหรือไม่ รวมทั้งวางแผนจะทำการรักษาฟันซี่นั้นอย่างไร เมื่อผู้ป่วยถูกวินิจฉัยแล้วว่าจะต้องทำการรักษาคลองรากฟัน ในขั้นตอนหรือกระบวนการรักษาคลองรากฟันผู้ป่วยต้องรับการเอกซเรย์ฟันซี่เดิมหลายครั้ง เช่น ขั้นตอนการประเมินความยาวรากฟัน การลองแท่งวัสดุสำหรับอุดคลองรากฟัน ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะต้องมีความละเอียดแม่นยำเพื่อให้การรักษารากฟันเป็นไปอย่างสำเร็จ
รูปที่ 3 ภาพรังสีรอบปลายรากฟันบริเวณฟันตัดล่างซี่กลางซึ่งได้รับการรักษาคลองรากฟันแล้วจะเป็นเงาทึบรังสีของวัสดุคลองรากฟัน (ศรชี้)
หลังจากผู้ป่วยรักษารากฟันเสร็จรวมทั้งบูรณะฟันเพื่อให้ใช้บดเคี้ยวได้เหมือนเดิมแล้วจะต้องมีการเอกซเรย์ฟันเป็นระยะอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษาด้วย
– การเอกเรย์ฟันเพื่อการรักษาโรคปริทันต์อักเสบ : โรคปริทันต์อักเสบนั้นเกิดได้ทั้งในวัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัยซึ่งมีสาเหตุจากคราบจุลินทรีย์ที่เกาะบริเวณรอบตัวฟัน ระยะแรกจะส่งผลให้เหงือกอักเสบ สังเกตได้จากการมีเลือดออกขณะแปรงฟันหรือเหงือกบวมแดง เป็นต้น ซึ่งในระยะแรกนี้จะยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในภาพรังสี เมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบ จะพบร่องลึกปริทันต์และการละลายของกระดูกที่หุ้มรอบรากฟันซงจะปรากฏในภาพรังสีภาพรังสีจึงมีประโยชน์ในการประเมินความรุนแรงของโรคและบอกการทำลายกระดูกในลักษณะต่างๆ รวมถึงระดับของกระดูกที่หุ้มรอบรากฟันและใช้ในการติดตามผลการรักษา
รูปที่ 4 ภาพรังสีรอบปลายรากฟันบริเวณฟันเขี้ยวล่างซ้าย แสดงลักษณะการทำลายกระดูกที่หุ้มรอบรากฟันในแนวตั้ง (ศรชี้)
– การเอกซเรย์ฟันเพื่อการจัดฟัน : ในงานทันตกรรมจัดฟันนั้น ทันตแพทย์ต้องรวบรวมข้อมูลจากทั้งการตรวจภายในช่องปากและภายนอกช่องปากแบบจำลองฟัน รวมถึงภาพรังสีเพื่อนำมาประกอบการวินิจฉยและวางแผนการรักษา ภาพรังสีสามารถบอกลักษณะของฟัน กระดูกขากรรไกร กะโหลกศีรษะและใบหน้า ซึ่งทันตแพทย์จะนำภาพรังสีเหล่านี้จะมาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อหาความสัมพันธ์ของส่วนต่างๆ ที่ไม่สามารถพิจารณาได้จากการตรวจด้วยสายตาแต่เพียงภายนอก
รูปที่ 5 ภาพรังสีกระโหลกศีรษะด้านข้างซึ่งทันตแพทย์จะนำมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างฟัน กระดูกขากรรไกร
และกระโหลกศีรษะ ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน
ระหว่างที่ทำการเอกซเรย์ฟันนั้นจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
ในระหว่างที่ทำการเอกซเรย์ในช่องปาก ผู้ป่วยต้องถอดโลหะบริเวณใบหน้าและภายในช่องปาก เช่น แว่นตา เครื่องมือถอดได้ในช่องปาก อาทิ ฟันเทียมถอดได้ เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ เครื่องมือคงสภาพฟัน เป็นต้น หากเป็นการเอกซเรย์นอกช่องปากผู้ป่วยต้องถอดสร้อยคอ ต่างหู กิ๊บติดผมออก เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมาบดบังลักษณะของกระดูกและฟันขณะทำการเอกซเรย์ผู้ป่วยต้องอยู่นิ่งที่สุดจนกว่าเสียงสัณญาณของเครื่องเอกซเรย์จะหยุด
รังสีที่ใช้ในการเอกซเรย์ฟันนั้นมีอันตรายหรือไม่
รังสีที่ใช้ในการเอกซเรย์ฟัน คือ รังสีเอกซ์ (X-ray) ซึ่งเป็นรังสีชนิดเดียวกับการเอกซเรย์ทางการแพทย์ ส่วนปริมาณรังสีที่ใช้ในการเอกซเรย์ฟันนั้นค่อนข้างน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปริมาณรังสีทใช้เอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยในทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามควรเอกซเรย์ฟันเท่าที่จำเป็นตามที่ทันตแพทย์วินิจฉัยว่าสมควรและเมื่อผู้ป่วยมารับการเอกซเรย์ฟันเจ้าหน้าที่จะต้องสวมเสื้อและปลอกคอกันรังสีให้กับผู้ป่วยทุกครั้ง
อย่างไรก็ดีผู้ป่วยสามารถดูแลสุขภาพช่องปากอย่างง่ายด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งให้สะอาดร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวันและควรมารับการตรวจฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน – 1 ปี
เลขที่ 888 ม.6 ถ.บรมราชชนนี ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
เบอร์ตรง 0-2849-6600