คติประจำใจ : “Believe you can and you’re halfway there.”
ปัจจุบันทำงานที่ : โรงพยาบาลหนองปรือ จ.กาญจนบุรี

เกณฑ์ในการเลือกสถานพยาบาลในการใช้ทุน
อยากทำงานในโรงพยาบาลชุมชนที่สามารถฝึกฝนประสบการณ์ในงานหลากหลายสาขา ก็เลยเลือกจังหวัดที่แต่ละโรงพยาบาลที่เปิดรับน่าจะได้ทำงานหลากหลายค่ะ แล้วก็ไม่ไกลจากบ้านมาก ให้พอขับรถกลับไหว เพราะคุณแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้อยู่ไกล จะได้กลับบ้านได้บ่อยๆค่า ตอนนั้นจังหวัด กาญจนบุรีก็ดูเข้าเกณฑ์ที่คิดไว้ที่สุด ทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพด้วย แล้วรพ.ที่จังหวัดเปิดรับตอนนั้นมี 2 ที่ ซึ่งมีรุ่นพี่จากมหิดลอยู่ทั้ง 2 ที่ ก็เลยสอบถามข้อมูลได้ว่าทั้ง 2 ที่ ได้ทำงานหลากหลายทุกสาขาที่อยากทำ บรรยากาศในห้องฟันดี ก็เลยเลือกจังหวัดนี้แล้วก็โชคดี ได้ด้วยค่ะ

ความรู้สึกแรกหลังเดินทางไปถึงเป็นอย่างไรบ้างคะ
ตื่นเต้นมากเลยค่ะ วันนั้นไปพร้อมคุณแม่ ขับรถไปเอง ก็รู้สึกค่อนข้างไกลจากเมือง สองข้างทางเป็นป่า ทุ่งนา ไร่อ้อย ค่อนข้างธรรมชาติมากๆ พอถึงโรงพยาบาลก็เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ด้านหลังติดเขาเลยค่ะ ตอนนั้นก็มีความรู้สึกว่า น่าอยู่นะ น่าจะสงบดี พอเข้าไปในห้องฟัน ก็เล็กๆ มี 2 ยูนิต พี่ๆในห้องก็ต้อนรับพูดคุยด้วยบรรยากาศเป็นกันเอง อบอุ่นดีค่ะ

ความรับผิดชอบนอกเหนือจากเป็นทันตแพทย์
ตอนปีแรกก็มีรับหน้าที่เป็นฝ่ายจัดซื้อของงานทันตกรรม ต้องรับผิดชอบดูแลคลังวัสดุทันตกรรม เช็คว่าแต่ละเดือนเบิกของอะไรไปใช้บ้าง และจัดซื้อวัสดุที่หมดแล้วหรือใกล้หมดค่ะ รวมทั้งมีงานวิทยากรไปให้ความรู้ด้านทันตสุขภาพที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ก็ให้ความรู้กับคุณแม่ทั้งการเลิกขวดนม และการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็ก ส่วนตอนนี้เพิ่งรับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายทันตกรรมของรพ.ค่ะ ก็จะมีงานคณะกรรมการบริหารรพ.เพิ่ม รวมไปถึงงานอื่นๆของรพ. เช่น เป็นกรรมการ HA(พัฒนาคุณภาพรพ.) ประธาน IC (ป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในรพ.) และ ENV(พัฒนาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของรพ.) ค่ะ

หลังจากใช้ทุนที่ร.พ.แล้ว วางแผนในอนาคตอย่างไรบ้าง
ตอนนี้อยากเก่งขึ้นกว่านี้ก็เลยอยากไปเรียนต่อก่อนค่ะ เพราะทำงานมา 1 ปี ก็ได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นพอสมควร แต่ก็ยังมีหลายๆงานที่อยากทำได้มากขึ้น เพราะเคสคนไข้ที่เจอและเราประเมินแล้วคิดว่าทำไม่ได้ ก็ต้องส่งไปรักษาต่อในโรงพยาบาลในอำเภอเมือง ด้วยรพ.ที่อยู่ไกลจากอำเภอเมือง 70 กิโลเมตร ถ้าส่งต่อคนไข้ไปแล้วเค้าไม่มีรถส่วนตัว รถประจำทางใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลยค่ะกว่าจะถึงเมือง ก็เลยอยากจะไปเรียนเฉพาะทางสาขาทันตกรรมทั่วไป เพราะอยากจะช่วยคนไข้ได้มากขึ้น เรียนรู้การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ที่สุด ประหยัดเวลาให้คนไข้จากการต้องส่งต่อไปรักษาในงานเฉพาะทางบางงานที่เราทำไม่ได้ ที่คิดไว้คือเรียนต่อแล้วยังอยากกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลเดิมก่อนค่ะ (อยู่ระหว่างขอสังกัดที่รพ.นี้ไป) อยากจะช่วยพัฒนาให้คนไข้ที่นี่เข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมมากขึ้น

อยากให้คุณหมอช่วยเล่าถึงเคสคนไข้ที่ประทับใจสัก 1 เคสค่ะ
มีเคสคนไข้เพศหญิง อายุ 16 ปีค่ะ วันนั้นที่เจอคือคนไข้มาอุดฟัน เพราะต้องการเคลียร์ช่องปากก่อนทำฟันปลอม เนื่องจากเพิ่งประสบอุบัติเหตุทำให้สูญเสียฟันหน้าบนซี่ 21 เพิ่ม 1 ซี่ (แต่ตอนแรกฟันหน้าบนซี่ 11 ถูกถอนไปแล้ว) ตอนตรวจในช่องปากค่อนข้างตกใจ เพราะมีคราบพลัค (plaque) เยอะมาก ฟันผุแทบทุกซี่ ทั้ง proximal caries และ smooth surface caries ที่น่าตกใจกว่าคือ พี่ๆทันตาภิบาลบอกว่า น้องเคยมาอุดแล้ว อุดบ่อยมากทุกปี แล้วก็กลับมาผุซ้ำ วันนั้นก็เลยอุดฟันที่ผุเยอะๆให้คนไข้ไปก่อน และแจ้งว่าต้องทะยอยมาอุดหลายครั้งเลย รวมถึงได้นั่งคุยกับคนไข้ถึงวิธีแปรงฟันเดิม พฤติกรรมการรับประทานอาหารต่างๆ พบว่าเนื่องจากคนไข้มีเหงือกอักเสบค่อนข้างเยอะ ทำให้เวลาแปรงฟันโดนเหงือกจะเจ็บ เลยเลี่ยงที่จะแปรงโดนเหงือก รวมถึงชอบทานขนม ก็ได้นัดมาขูดหินปูน สอนวิธีแปรงฟันใหม่ไป สอนการใช้ไหมขัดฟัน และแนะนำการเลือกรับประทานขนมต่างๆ ครั้งถัดมาที่คนไข้มาอุดฟันต่อ ก็มีสภาพช่องปากที่ดีขึ้น คราบพลัคน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และในที่สุดก็ได้ใส่ฟันปลอมเติมฟันหน้าให้คนไข้ได้ยิ้มอย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ