อยากให้คุณหมอช่วยเล่าถึงเคสผู้ป่วยที่ประทับใจสัก 1 เคสค่ะ
อยากจะขอเล่าถึงคนไข้ตอนที่ยังเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ชั้นปีที่5ค่ะ ตอนนั้นก็เป็นช่วงแรกๆที่ได้ลงทำคลินิกฟันปลอม ได้เจอคนไข้คนนี้ครั้งแรกก็ตกใจค่ะ เพราะคนไข้มีโรคประจำตัวเป็นโรคลมชักตั้งแต่กำเนิด ก็จะมีพัฒนาการที่ช้ากว่าคนทั่วไป ด้วยความที่ประสบการณ์ของเรายังมีน้อย ได้ทำคนไข้มาไม่กี่คน จึงมีความกังวลว่าตนเองจะรักษาคนไข้ได้ไม่ดีพอ หรือไม่สามารถสื่อสารกับคนไข้ได้เข้าใจ แต่พอได้เริ่มรักษาคนไข้ ความกังวลที่มีอยู่ก็หายไป การพูดคุยสื่อสารกับคนไข้ไม่ได้เป็นปัญหาอย่างที่คิด คนไข้เข้าใจในคำพูดที่เราบอกหรือถาม แต่อาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง ซึ่งสิ่งที่เราประทับใจและอยากเล่าให้ฟังก็คือการที่เราได้เรียนรู้ไปกับคนไข้ ต่างคนต่างเป็นอาจารย์ให้กันและกัน เรามีหน้าที่สอนให้คนไข้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้ ส่วนคนไข้เองก็สอนให้เราได้รู้ว่าการดูแลคนไข้แต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นในฐานะหมอ ก็ควรจะแนะนำการดูแลสุขภาพช่องปากให้เหมาะสมกับคนไข้คนนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นคนไข้คนนี้ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับอะไรได้นานๆ การแปรงฟันด้วยวิธีขยับปัดก็อาจจะไม่เหมาะสม เพราะต้องใช้เวลานานและยังต้องใช้ข้อมือได้ดีถึงจะทำได้ถูกต้อง การแปรงแบบขยับไปมาเฉยๆอาจจะเหมาะสมกับคนไข้คนนี้มากกว่า หรือการใช้ไหมขัดฟันที่โดยทั่วไปหมอฟันก็จะแนะนำให้ใช้เป็นเส้นๆพันกับนิ้ว แต่สำหรับคนไข้คนนี้เราก็แนะนำเป็นไหมขัดฟันแบบแท่งแทนเพื่อให้คนไข้จับถนัดมือและใช้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็คิดไปต่อว่าถ้าคนไข้กลับไปที่บ้านแล้วก็อาจจะไม่ได้ทำตามที่เราแนะนำ ดังนั้นเราจึงเข้าไปพูดคุยกับคนที่ดูแลคนไข้นั่นก็คือคุณแม่ของคนไข้ เพื่อให้ท่านช่วยกระตุ้นคนไข้อีกทางนึง นับว่าเป็นบุคคลที่มีส่วนช่วยในการดูแลช่องปากของคนไข้ได้มากเลยค่ะ จนกระทั่งวันสุดท้ายที่ได้เจอกับคนไข้ที่คณะฯ คนไข้ก็ดูแลช่องปากได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แถมยังได้ฟันปลอมกลับไปใช้ คนไข้กับคุณแม่ก็ทั้งดีใจและขอบคุณเรา เราเองก็รู้สึกขอบคุณทั้งตัวคนไข้และครอบครัวที่พยายามไปกับหมอ และเชื่อในสิ่งที่หมอแนะนำ สำหรับเรา คนไข้ได้กลายเป็นเสมือนญาติคนหนึ่งของเราจริงๆ เหมือนกับที่อาจารย์เคยบอกกับเราไว้ว่าเวลาที่เรารักษาคนไข้ก็ให้รักษาเขาเหมือนรักษาญาติของตัวเอง ซึ่งจนทุกวันนี้ที่เราได้ไปใช้ทุนแล้ว ก็ยังคงติดต่อพูดคุยกัน และได้ไปรับประทานอาหารร่วมกัน รู้สึกประทับใจมากเลยค่ะ
หลังจากใช้ทุนที่ ร.พ.แล้ววางแผนในอนาคตอย่างไรบ้างคะ
ตอนนี้ก็พึ่งได้มาใช้ทุนอยู่ที่ใต้ คิดว่าเป็นช่วงเวลาสำหรับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ การที่เราได้ก้าวเข้าสู่วัยทำงานนับว่าเป็นก้าวที่ใหญ่กว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับการก้าวเข้ามาเรียนเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ต้องเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาคนไข้ หรือการทำงานกับคนหลากหลายแบบ นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องวัฒนธรรมและภาษาที่เราต้องปรับตัวด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกใหม่และเราก็สนุกที่จะได้เรียนรู้ ก็อาจจะใช้เวลาเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ตรงนี้ไปซักระยะหนึ่ง แล้วก็จะกลับไปเรียนต่อเพื่อพัฒนาตนเองต่อไปค่ะ
ฝากทิ้งท้าย
ตอนเด็กๆคิดไม่ออกว่าตอนโตเราจะทำงานอะไร ตอนนี้มีคำตอบแล้วคือการเป็นทันตแพทย์ ก็รู้สึกภูมิใจที่เราสามารถช่วยเหลือคนที่เขาลำบากได้ การที่ได้มาใช้ทุนที่จังหวัดนราธิวาสก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ไม่เคยจินตนาการไว้ เพราะต้องมาอยู่ไกลบ้าน แต่อยู่ที่นี่มาได้ 7 เดือนก็ไม่มีวันไหนเลยที่รู้สึกเสียใจ รู้สึกว่าได้เปิดโลกเปิดประสบการณ์ให้กับตัวเอง เพราะถ้าไม่ได้มาใช้ทุน ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะมีโอกาสได้มาที่นี่ไหม ทั้งคนไข้และเพื่อนร่วมงานต่างต้อนรับและน่ารักกับเรามาก คนไข้บางคนไม่เข้าใจภาษาไทย เราก็ฝึกพูดภาษายาวี พูดถูกบ้างผิดบ้าง คนไข้ก็หัวเราะตลกหมอ เราก็หัวเราะตลกตัวเอง ส่วนอาหารของที่นี่ก็มีที่ไม่เคยทานเยอะมาก เราก็ลองทุกอย่างเลย ในทุกๆวันที่อยู่ที่นี่เราก็ได้เรียนรู้ไปทีละอย่าง ได้เข้าไปรู้จักผู้คนที่นี่มากขึ้น ได้เรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้ชีวิต เรารู้สึกว่าถึงเราจะต้องอยู่ไกลบ้าน ไกลพ่อแม่ แต่มันก็ยังมีสิ่งดีดีอยู่รอบตัว ก็อยากฝากผู้อ่านให้ลองมองออกไปรอบๆตัว หาความสุขเล็กๆน้อยๆ มาทำให้จิตใจเราสดชื่นกันค่ะ
เลขที่ 888 ม.6 ถ.บรมราชชนนี ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม 73170
เบอร์ตรง 0-2849-6600