Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เมื่อกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เมื่อกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

รวมอุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดฟัน

MU DENT faculty of dentistry

รวมอุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดฟัน

สาระน่ารู้ เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ : ฟันดี สุขภาพดี โดย ศาสตราจารย์คลินิก ทพญ.พจมาน ศรีนวรัตน์

MU DENT faculty of dentistry

สาระน่ารู้ เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณ : ฟันดี สุขภาพดี โดย ศาสตราจารย์คลินิก ทพญ.พจมาน ศรีนวรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์จาก : คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง

MU DENT faculty of dentistry

การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง

นักศึกษาสาขาทันตกรรมผู้สูงอายุ

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 1

สุขภาพช่องปากสำคัญอย่างไร

ในผู้ป่วยติดเตียงซึ่งมีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำอยู่แล้ว หากทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ดี อาจเป็นเหตุให้มีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราสะสมในช่องปาก เมื่อผู้ป่วยมีการสูดหรือสำลัก อาจทำให้มีโอกาสปอดติดเชื้อเป็นอันตรายได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากในผู้ป่วยติดเตียงจึงมีความสำคัญไม่ต่างจากการดูแลสุขภาพทั่วไป

ด้วยความปรารถนาดีจาก นักศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาทันตกรรมผู้สูงอายุ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่น 1

 

อุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดช่องปาก

• แก้วน้ำ
• ขันน้ำหรือกะละมังใบเล็ก
• ผ้าก๊อซ
• ผ้าขนหนู
• แปรงสีฟันและยาสีฟัน
• น้ำสะอาด

 

อุปกรณ์เพิ่มเติมที่ควรใช้

• แปรงซอกฟัน
• แปรงกระจุกเดียว

 

ขั้นตอนการทำความสะอาดช่องปาก

1. ปรับให้ผู้ป่วยนั่ง 30-45 องศา กรณีนั่งไม่ได้ให้ผู้ป่วยนอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลัก และควรแจ้งผู้ป่วยให้ทราบว่ากำลังจะแปรงฟัน

2. เช็ดริมฝีปากให้ชุ่มชื้น แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำพันนิ้วกวาดเศษอาหารที่กระพุ้งแก้มออก

3. เอาแปรงสีฟันจุ่มน้ำให้เปียก แล้วบีบยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ใส่แปรงสีฟัน

4. เริ่มแปรง โดยขยับแปรงสีฟันสั้นๆแปรงให้ทั่วทุกด้านทุกซี่ เริ่มแปรงจากด้านในก่อนแล้วแปรงไล่มาด้านนอก

5. ล้างแปรงให้สะอาดแล้วแปรงลิ้นโดยแปรงจากด้านในออกด้านนอก

6. ใช้แปรงกระจุกเดียวทำความสะอาดบริเวณคอฟันในฟันซี่เดี่ยว ฟันที่ติดช่องว่าง โดยวางแปรงให้ปลายขนแปรงติดขอบเหงือก ขยับแปรงสั้นๆตามแนวคอฟันให้รอบซี่ฟัน

7. ใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาดช่องว่างระหว่างซี่ฟัน โดยสอดแปรงเข้าไปในซอกฟัน ให้ขนแปรงแนบกับตัวฟันและชิดขอบเหงือก จากนั้นขยับเข้าออก

8. ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำพันนิ้วเช็ดฟองยาสีฟันออกให้หมด

 

การบริหารใบหน้า ลิ้น และต่อมน้ำลายผู้สูงอายุ

MU DENT faculty of dentistry

การบริหารใบหน้า ลิ้น และต่อมน้ำลายผู้สูงอายุ

นักศึกษาสาขาทันตกรรมผู้สูงอายุ

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 1

การนวดกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า,ลิ้น และต่อมน้ำลาย

เมื่ออายุมากขึ้นการทำงานของกล้ามเนื้อจะช้าลง ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ถนัด มีอาหารค้างอยู่ในช่องปาก นอกจากนี้ต่อมน้ำลายยังมีแนวโน้มผลิตน้อยลง อาจทำให้ช่องปากแห้งง่าย กลืนลำบาก การบริหารจะช่วยกระตุ้นเส้นประสาท กล้ามเนื้อใบหน้า ให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น คล่องขึ้น รวมถึงกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ผลิตน้ำลายมากขึ้นช่วยให้การเคี้ยวและกลืนดีขึ้น

 

นวดกระตุ้นต่อมน้ำลาย แนะนำให้นวดก่อนรับประทานอาหาร

ต่อมหน้าหู ให้วางนิ้วก้อยถึงนิ้วชี้ที่แก้มแล้วหมุนแถวๆฟัน กรามบนวนจากข้างหลังมาข้างหน้านับ 1-10

ต่อมใต้คาง วางนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างตรงส่วนนุ่มใต้กระดูกคาง กดตั้งแต่ใต้หู มายังใต้คางประมาณ 5 ตำแหน่งๆ ละ 5 ครั้ง

ต่อมใต้ลิ้น วางนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างกดลงบริเวณลิ้นใต้คาง 10 ครั้ง

 

การบริหารกล้ามเนื้อลิ้น

การบริหารกล้ามเนื้อลิ้นโดยการปิดปาก

ขั้นตอนที่ 1 ดันริมฝีปากบนด้วยลิ้น 5 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 2 ดันริมฝีปากล่างด้วยลิ้น 5 ครั้ง

ขั้นตอนที่ 3 ดันแก้มซ้ายขวาด้วยลิ้น 5 ครั้ง

 

การบริหารกล้ามเนื้อลิ้นโดยการเปิดปาก

ท่าที่ 1 แลบลิ้นเข้าและออก 5 ครั้ง

ท่าที่ 2 แลบลิ้น แล้วขยับขึ้นลง 5 ครั้ง

ท่าที่ 3 หมุนลิ้นไปทางซ้ายและขวา แล้ววนลิ้นเลียรอบริมฝีปาก 5 ครั้ง

 

การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า

ท่าที่ 1 สูดลมหายใจลึกๆให้เต็มปอด ยิ้มกว้างสุด ขยับแก้มให้ยกสูง หลับตาให้สนิท นับ 1-10

ท่าที่ 2 อ้าปากกว้างสุด ลืมตากว้างสุด นับ 1-10

การแปรงฟันผู้สูงอายุ

MU DENT faculty of dentistry

การแปรงฟันผู้สูงอายุ

นักศึกษาสาขาทันตกรรมผู้สูงอายุ

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 1

การใช้อุปกรณ์เสริมทำความสะอาดซอกฟัน

 

แปรงซอกฟัน

ใช้ทำความสะอาดสำหรับผู้ที่มีช่องระหว่างฟัน ช่องระหว่างฟันคือ เหงือกสามเหลี่ยมระหว่างซอกฟันร่น เนื่องจากการแปรงฟันไม่สามารถทำความสะอาดส่วนนี้ได้อย่างเพียงพอ

 

วิธีการใช้แปรงซอกฟัน

การใช้แปรงซอกฟันที่ถูกวิธี คือ ให้สอดแปรงเข้าไปในช่องระหว่างซอกฟันเบาๆ ดันเข้าและดึงออก ซี่ละ 3-4 ครั้ง ควรทำก่อนแปรงฟันก่อนนอน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หลังจากใช้งานเสร็จล้างน้ำแล้วตากทิ้งไว้เช่นเดียวกันกับแปรงสีฟัน ควรเปลี่ยนแปรงซอกฟันทุกๆ 3 เดือน

 

การแปรงฟัน

***หลักสำคัญ***

คือ ต้องขจัดคราบจุลินทรีย์(ขี้ฟัน)ออกให้หมด โดยไม่ทำอันตรายต่อเหงือกและฟัน

 

การเลือกแปรงสีฟัน

  • เลือกใช้แปรงสีฟันที่ “ขนอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงมนกลม หัวเล็ก”
  • ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน หรือ เมื่อขนแปรงบาน
  • การเลือกใช้แปรงสีฟันในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการใช้มือ
  1. ปรับเปลี่ยนขนาดของด้ามแปรงสีฟัน ให้ใหญ่ขึ้น จับถนัดมือมากขึ้น
  2. แปรงสีฟันไฟฟ้า เนื่องมาจากด้ามมักจะมีขนาดใหญ่ จับถนัดมือ

 

การเลือกยาสีฟัน

  • ยาสีฟันที่ช่วย ป้องกันฟันผุ คือต้องผสม “ฟลูออไรด์”
  • หลีกเลี่ยงสูตรที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารทำให้เกิดฟอง(SLS) ไทมอล เอสเซนเชียลออยล์ สูตรฟอกสีฟัน เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุช่องปากได้
  • ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันอย่างน้อย 1,000 ppm
  • ใช้ปริมาณเท่ากับ 2 เมล็ดถั่วลันเตา
  • แปรงฟันอย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน อย่างน้อยครั้งละ 2 นาที

 

การแปรงฟันที่ถูกวิธี

  • เน้นการแปรง “บริเวณขอบเหงือก คอฟัน” เป็นพิเศษ วางแปรงฟันบริเวณขอบเหงือกเอียงแปรงเข้าหาคอฟัน
  • แปรงให้ทั่ว ทุกซี่ ทุกด้าน
    ด้านแก้ม ทั้งฟันบนและฟันล่าง
    ด้านลิ้น ทั้งฟันบนและฟันล่าง
    ด้านบดเคี้ยว ทั้งฟันบนและฟันล่าง   
    แปรงลิ้น ปัดแปรงจากด้านหลังมาด้านหน้า
 

การดูแลฟันเทียมผู้สูงอายุ

MU DENT faculty of dentistry

การดูแลฟันเทียมผู้สูงอายุ

นักศึกษาสาขาทันตกรรมผู้สูงอายุ

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 1

การดูแลและทำความสะอาดฟันเทียม

1.หลังรับประทานอาหารควรถอดฟันเทียม แล้วทำความสะอาดทุกครั้ง

2.ควรใช้สบู่เหลว ไม่ควรใช้ยาสีฟันโดยเฉพาะยาสีฟันผสมผงขัดฟันเพราะฟันปลอมจะสึกเป็นรอยตามแปรง

3.แปรงให้ทั่วทุกด้าน ทั้งด้านนอกด้านใน

4.ควรมีภาชนะรองรับ ระวังไม่ให้ฟันเทียมตกพื้น

5.ก่อนเข้านอน ควรถอดฟันเทียม ห้าม!!!!ใส่นอนเด็ดขาด ควรถอดฟันเทียม แช่น้ำเปล่าในภาชนะมีฝาปิด

6.ถ้าฟันเทียมมีหินปูนเกาะเยอะ แนะนำให้แช่น้ำส้มสายชู 8 ชั่วโมง พอนิ่มแล้วก็แปรงออกแต่ไม่ควรใช้กับฟันเทียมที่มีโครงโลหะหรือตะขอ

7.หากผู้ป่วยไม่ยอมถอดฟันเทียมกลางคืนจะทำให้ติดเชื้อรา เหงือกจะแดงในช่องปากทำให้เกิดปากอักเสบ แนะนำให้แช่ด้วย 12% คลอเฮกซิดีน นาน 15 นาที วันละ 2 รอบ

 

รวมอุปกรณ์ ช่วยทำความสะอาดฟัน

MU DENT faculty of dentistry

รวมอุปกรณ์ ช่วยทำความสะอาดฟัน

คำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อน-หลังรับยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อน-หลังรับยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ

รศ.พญ.เบญจมาศ อภิพันธุ์

ภาควิชาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล

การให้ยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ
คือ การบริหารยาสงบประสาทเข้าทางหลอดเลือดดำ เพื่อลดความวิตกกังวล โดยที่ผู้ป่วยยังมีสติอยู่สามารถทำตามคำสั่งของทันตแพทย์ได้ ซึ่งในวิธีการสงบประสาทด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้ป่วยสงบมากขึ้น และมักจะทำในหัตถการหรือการผ่าตัดที่ใช้เวลาไม่นาน

 

ทีมวิสัญญี คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการบริการด้านวิสัญญี ทั้งก่อน ระหว่างและหลังการผ่าตัด ให้ได้รับความปลอดภัยและพึงพอใจในการบริการของหน่วยวิสัญญี บุคลากรกลุ่มนี้คือ วิสัญญีแพทย์,วิสัญญีพยาบาล และผู้ช่วยวิสัญญี

 

คำแนะนำการปฏิบัติตัว ก่อน การได้รับยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ

1. งดน้ำ นม เครื่องดื่ม และอาหารทุกชนิด หลัง 24.00 น.
เพื่อป้องกันอันตรายจากการอาเจียนและสำลักเศษอาหารเข้าหลอดลม/ปอด

2. ท่านต้องแจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ
เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรคหัวใจ วิตามินหรืออาหารเสริม รวมทั้งยาสมุนไพรต่างๆ ให้แพทย์ทราบ และนำยามาในวันผ่าตัดซึ่งยาบางชนิดต้องรับประทานในเช้าวันผ่าตัดกับน้ำปริมาณเล็กน้อย และยาบางชนิดต้องงด

3. แจ้งการแพ้ยาหรือสารทุกชนิด การผ่าตัดในอดีต และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ประวัติเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับใช้ในการวางแผนและให้การรักษา

4. ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
เพื่อลดเสมหะและลดการไอ ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบหายใจ

5. ต้องมีญาติมาด้วย
เพื่อช่วยเหลือในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ดูแลระหว่างท่านเดินทางกลับบ้าน และสามารถดูแลท่านได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

6. ถ้าตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
จะต้องแจ้งให้ทีมวิสัญญีทราบ เพราะยาสามารถผ่านรกและอาจเกิดผลเสียต่อทารกได้ ถ้าเป็นการผ่าตัดที่ไม่รีบด่วน ควรจะทำหลังจากคลอดบุตร

7. ถอดฟันปลอมที่ถอดได้/คอนแทคเลนส์/เครื่องประดับทุกชนิด
ฝากเก็บไว้กับญาติ ก่อนไปห้องผ่าตัด

8. กรณีเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หรือมีน้ำมูก ต้องแจ้งทีมวิสัญญีให้ทราบโดยละเอียด ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องหายจากอาการดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถให้ยาสงบประสาทโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

9. ควรล้างสีเล็บ และควรตัดเล็บมือให้สั้น
เพื่อจะวัดค่าออกซิเจนทางปลายนิ้ว และสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากการขาดออกซิเจน

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การให้ยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ บางครั้งอาจมีอันตรายถึงชีวิต การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดของทีมวิสัญญี จะป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้

ภาวะแทรกซ้อนอันตรายหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมี 2 ประเภท คือ ความรุนแรงเล็กน้อยและรุนแรงมาก

ภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นบ่อย แต่ไม่เป็นอันตราย ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด เวียนศีรษะ เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เสียชีวิตจากการระงับความรู้สึก การหายใจล้มเหลว หัวใจล้มเหลว โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรง(Anaphylaxis) พบน้อยมาก

ทั้งนี้ขึ้นกับสุขภาพและความแข็งแรงของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรค และชนิดของการผ่าตัด ตลอดจนการเตรียมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด กล่าวคือ ถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง

 

การปฏิบัติตัว หลัง การได้รับยาสงบประสาททางหลอดเลือดดำ

1. ให้กลับบ้านพร้อมญาติและพักผ่อนภายหลังจากการผ่าตัด
2. ไม่ควรทำกิจกรรมต่างๆ ภายหลังการผ่าตัด และควรอยู่ภายใต้การดูแลของญาติอย่างใกล้ชิดจนกระทั่งหายจากอาการมึนงง ประมาณ 24 ชั่วโมง
3. อาการมึนงง อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับยาสงบประสาท

– ให้นอนราบสักครู่
– ให้ดื่มน้ำหวานเล็กน้อย

4. ไม่ควรรับประทานอาหารหลักทันที หากรู้สึกหิวให้รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก,ข้าวต้ม เป็นต้น
5. ไม่ขับยานพาหนะ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
6. ไม่ใช้ของมีคมหรือเครื่องจักรกล ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
7. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
8. ไม่ทำธุรกรรมหรือสัญญาข้อตกลงใดๆ ภายใน 24 ชั่วโมง
9. หากมีอาการผิดปกติ ให้กลับมาพบแพทย์ก่อนวันนัดหมาย

คำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อน-หลัง รับการระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อน-หลัง รับการระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

รศ.พญ.เบญจมาศ อภิพันธุ์

ภาควิชาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล

การระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

คือ การให้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยหลับ ปราศจากความกลัวและความวิตกกังวลไม่สามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัดได้ ด้วยการให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือดดำและมีการสูดยาดมสลบเข้าทางระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย
ทีมวิสัญญี

คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการบริการด้านวิสัญญี ทั้งก่อน ระหว่างและหลังการผ่าตัด ให้ได้รับความปลอดภัยและพึงพอใจในการบริการของหน่วยวิสัญญี บุคลากรกลุ่มนี้คือ วิสัญญีแพทย์,วิสัญญีพยาบาล และผู้ช่วยวิสัญญี

 

คำแนะนำการปฏิบัติตน ก่อน การได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

1. งดน้ำ นม เครื่องดื่ม และอาหารทุกชนิด หลัง 24.00 น. หรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันอันตรายจากการอาเจียนและสำลักเศษอาหารเข้าหลอดลม/ปอด

2. ท่านต้องแจ้งประวัติโรคประจำตัว ยาที่รับประทานประจำ
เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาเบาหวาน ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น รวมถึงวิตามินอาหารเสริม และยาสมุนไพรต่างๆ ให้แพทย์ทราบ และนำยามาในวันผ่าตัด ซึ่งยาบางชนิดต้องรับประทานในเช้าวันผ่าตัดกับน้ำปริมาณเล็กน้อย และยาบางชนิดต้องงด

3. แจ้งการแพ้ยา อาหารหรือสารทุกชนิด การผ่าตัดในอดีต และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ประวัติเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับใช้ในการวางแผนและให้การรักษา

4. ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
เพื่อลดเสมหะและลดการไอ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบหายใจ

5. ควรล้างสีเล็บ และควรตัดเล็บมือให้สั้น
เพื่อจะวัดค่าออกซิเจนทางปลายนิ้ว และสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากการขาดออกซิเจน

6. ในกรณีที่มารับการผ่าตัดบางชนิด ซึ่งไม่ต้องนอนพักค้างคืนในโรงพยาบาล ต้องมีญาติมาด้วย
เพื่อช่วยเหลือในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ดูแลระหว่างเดินทางกลับบ้าน และสามารถดูแลท่านได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

7. หากตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
จะต้องแจ้งให้ทีมวิสัญญีทราบ เพราะยาสามารถผ่านรกและอาจเกิดผลเสียต่อทารกได้ ถ้าเป็นการผ่าตัดที่ไม่รีบด่วน ควรจะทำหลังจากคลอดบุตร

8. ถอดฟันปลอมที่ถอดได้/คอนแทคเลนส์/เครื่องประดับทุกชนิด
ฝากเก็บไว้กับญาติ ก่อนไปห้องผ่าตัด ถ้ามีฟันโยกควรแจ้งให้ทีมวิสัญญีทราบ

9. กรณีเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ หรือมีน้ำมูก ต้องแจ้งทีมวิสัญญีให้ทราบโดยละเอียด ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องหายจากอาการดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถให้ยาระงับความรู้สึกโดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้

การระงับความรู้สึกแบบทั่วไป มีโอกาสเกิดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้เสมอ การให้ยาแม้เป็นขนาดที่แนะนำ ก็อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดของทีมวิสัญญี จะป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้

ภาวะแทรกซ้อนอันตรายหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นมี 2 ประเภท คือ ความรุนแรงเล็กน้อยและรุนแรงมาก

ภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นบ่อย แต่ไม่เป็นอันตราย ได้แก่

– คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ
– เจ็บคอ เสียงแหบ
– ฟันโยก ฟันบิ่น ฟันหัก
– ปัสสาวะลำบาก
– สับสน สะลึมสะลือ หรือมีอาการหลงลืมได้ในระยะแรก
– ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย
– เจ็บปวดแผลผ่าตัดมากกว่าปกติ

 

ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

เสียชีวิตจากการระงับความรู้สึก เส้นโลหิตในสมองแตก การหายใจล้มเหลว หัวใจล้มเหลว อัมพาตหรือแขนขาอ่อนแรง โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรง(Anaphylaxis) พบน้อยมาก ทั้งนี้ขึ้นกับสุขภาพและความแข็งแรงของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรค และชนิดของการผ่าตัด การเตรียมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัด กล่าวคือถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่าผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง

 

การปฏิบัติตัว หลัง การได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

1. ฝึกการหายใจ โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้าเต็มที่ช้าๆ และหายใจออกยาวๆ ทันทีที่รู้สึกตัวดีใน 1 – 2 ชั่วโมง โดยให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งหรือศีรษะสูง เพื่อการขยายของทรวงอกได้เต็มที่ จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก แล้วค่อยๆผ่อนออกทางปาก ทำเช่นนี้ประมาณ 5 – 10 ครั้ง ทุกชั่วโมงหลังผ่าตัด จะช่วยให้ปอดขยายตัวและลดภาวะแทรกซ้อนของระบบหายใจ เช่น ภาวะปอดแฟบหลังผ่าตัด หากมีอาการหายใจหอบเหนื่อยให้แจ้งแพทย์ทันที

2. หากมีอาการเจ็บคอ ให้จิบน้ำในปริมาณเล็กน้อย บ่อยครั้ง อาการจะดีขึ้น
ใน 1 – 3 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีเสียงแหบ ให้แจ้งแพทย์ทันที

3. ขี้ผึ้งที่ใช้ป้ายตาจะหมดไปได้เอง หลังจากที่ล้างทำความสะอาดใบหน้า หากมีอาการตามัวลง มองไม่ชัดเท่าเดิม ให้แจ้งแพทย์ทันที

 

การปฏิบัติตัว หลัง การได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป (กรณี ไม่ได้ นอนพักรักษาตัวที่ รพ.)

1. ให้กลับบ้านพร้อมญาติและพักผ่อนภายหลังจากการผ่าตัด
2. ไม่ควรทำกิจกรรมต่างๆ ภายหลังการผ่าตัด และควรอยู่ภายใต้การดูแลของญาติอย่างใกล้ชิดจนกระทั่งหายจากอาการมึนงง ประมาณ 24 ชั่วโมง
3. อาการมึนงง อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป

– ให้นอนราบสักครู่
– ให้ดื่มน้ำหวานเล็กน้อย

4. ไม่ควรรับประทานอาหารหลักทันที หากรู้สึกหิวให้รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น
5. ไม่ขับยานพาหนะ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
6. ไม่ใช้ของมีคมหรือเครื่องจักรกล ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
7. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
8. ไม่ทำธุรกรรมหรือสัญญาข้อตกลงใดๆ ภายใน 24 ชั่วโมง
9. หากมีอาการผิดปกติ ให้กลับมาพบแพทย์ก่อนวันนัดหมาย