Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors

“เมื่อไหร่ควรจัดฟัน”

“เมื่อไหร่ควรจัดฟัน”

การผ่าตัดขากรรไกรโดยใช้ Customized 3D Fixation

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

การผ่าตัดขากรรไกรโดยใช้ Customized 3D Fixation

การผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน

การผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน

คำแนะนำการปฏิบัติตน

สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน

เมื่อกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

 

อาการ

– หลังการผ่าตัดจะทำให้เกิดการปวดและบวมได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะจะบวมมากในช่วง 3 วันแรก และจะดีขึ้นหลังผ่านไป 1 – 2 สัปดาห์ สามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์จ่ายให้เมื่อได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
– อาการชาหลังผ่าตัดเป็นสิ่งปกติ การผ่าตัดขากรรไกรบนสามารถทำให้ริมฝีปากบน แก้ม และปีกจมูกชาได้ การผ่าตัดขากรรไกรล่างสามารถทำให้ริมฝีปากล่าง คาง หรือลิ้นชาได้ อาการชาจะค่อยๆ ดีขึ้น

 

ระยะเวลาในการพักรักษา

– ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดอาจกินเวลาประมาณ 3 ถึง 5 วัน
– หลังทันตแพทย์พิจารณาให้กลับบ้านได้แล้ว จะทำการนัดติดตามดูอาการทุกอาทิตย์จนกว่าจะครบ 1 เดือน
– กรณีใส่แผ่นพลาสติกใส จะติดอยู่กับฟันบนและจะเอาออกเมื่อครบ 1 เดือน หลังการผ่าตัด
– ทันตแพทย์อาจจะใช้ยางยึดขากรรไกรบนและล่างไว้ด้วยกัน ในกรณีที่กัดฟันไม่ลงหรือฟันไม่สบกัน ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ระหว่างนี้ผู้ป่วยต้องรับประทานน้ำและอาหารเหลวทางปาก ผ่านทางกระบอกฉีดยา หลังผ่าตัดประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะเอายางออกให้ ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวขากรรไกรบนและล่างได้ และสามารถรับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อนตามคำแนะนำของทันตแพทย์

 

คำแนะนำการปฏิบัติตนขณะกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

1. การรับประทานยา ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด/ครบถ้วน ห้ามหยุดยา/เพิ่มหรือลด ขนาดยาเองโดยเด็ดขาด
2. การรับประทานน้ำและอาหาร ควรรับประทานอาหารเหลวใสในช่วงสัปดาห์แรกของการผ่าตัดหรืออาหารปั่น เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดของบาดแผลในช่องปาก ไม่ควรเคี้ยวอาหารเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน หรือตามทันตแพทย์แนะนำ เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 สามารถเริ่มรับประทานอาหารอ่อนนิ่มได้ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ตุ๋น เกี๊ยมอี๋ และสามารถรับประทานอาหารปกติได้เมื่อผ่าตัดไปแล้ว 3 เดือน
3. การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน สามารถทำได้ตามปกติ 1 – 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้แรงหนัก เช่น ยกของ วิ่ง เนื่องจากร่างกายมีการสูญเสียเลือด หลังจากสัปดาห์ที่ 2 สามารถออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ หลังสัปดาห์ที่ 12 สามารถออกกำลังกายแบบ แอโรบิค วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ได้ ควรหลีกลี่ยง กีฬาที่มีการปะทะ เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล หรือ กีฬาโลดโผน
4. การนอนหลับ ควรนอนศีรษะสูง 30 องศา ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ยุบบวมเร็วขึ้น
5. อาจรู้สึกว่ายังมีไหมเย็บอยู่ในช่องปาก ซึ่งไหมดังกล่าวทันตแพทย์จะนัดมาตัดไหม 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
6. การประคบเย็น ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมประมาณ 3 – 4 วันแรก หลังผ่าตัด หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นประคบร้อน/อุ่น ต่อเนื่องอีก 2 – 3 วัน หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์
7. การรักษาความสะอาด ควรรักษาความสะอาดในช่องปากอยู่เสมอโดยการบ้วนปากและเริ่มแปรงฟันได้หลังผ่าตัดวันที่ 2 โดยใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กขนนิ่มของเด็กและควรแปรงอย่างนุ่มนวล ระมัดระวัง อาจใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
8. ควรหลีกเลี่ยงการขากเสมหะแรงๆ การล้วงเข้าไปในช่องปาก ห้ามเขี่ยแผลเล่น เพราะอาจทำให้แผลเปิดและฉีกขาด มีเลือดออกจากแผลในช่องปากได้ หากมีเลือดออกในช่องปากให้นอนยกศรีษะสูง ประคบเย็นด้วยน้ำแข็งหรือ Cold Pack บริเวณขากรรไกรและคอ
9. การสังเกตภาวะแทรกซ้อน หากมีอาการรุนแรงควรมาพบทันตแพทย์ก่อนวันนัดหมายได้

 

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

– อาจมีอาการชาบริเวณเหงือกด้านบนหรือด้านล่าง หรือบริเวณริมฝีปากหรือคางได้ เนื่องจากอาจมีการกระทบกระเทือนบริเวณเส้นประสาทสัมผัสที่มาเลี้ยงบริเวณดังกล่าวจากการผ่าตัด
– การติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด (พบได้น้อย)
– อาการปวดแผลหลังผ่าตัด อาจปวดหรือเจ็บรอบปากหลังผ่าตัด เนื่องจากเนื้อเยื่อของช่องปาก อาจสัมผัสกับลวดหรือเครื่องมือที่อยู่บริเวณฟันและเหงือกได้
– ภาวะเลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด (พบได้น้อย)
– กระดูกขากรรไกรบนตายจากการขาดเลือดมาเลี้ยง (พบได้น้อย)
– กระดูกขากรรไกรบนและล่างที่เลื่อนมาด้านหน้า เกิดการเลื่อนตัวไม่ยึดติดกัน เนื่องจากวัสดุที่ใช้ยึดกระดูกหลวมหรือเคลื่อน มักพบในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกินมากๆ อาจทำให้รูปหน้าหรือการสบฟันผิดปกติไปจากเดิมที่ควรจะเป็น
– เวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ อาจมีสำลักขึ้นจมูกได้ จึงควรดื่มน้ำและรับประทานอาหารอย่างช้าๆ และอย่างระมัดระวัง
– การผ่าตัดไม่เป็นไปตามแผนการรักษา

 

การนัดตรวจหลังออกจากโรงพยาบาล

ทันตแพทย์จะนัดมาดูแผลผ่าตัดทุก 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด และหลังจากนั้นประมาณ 4 – 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด การผ่าตัดจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น หลังเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจยุบบวม ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักกลับไปทำงานได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน แพทย์และทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาเพื่อประเมินผลการรักษาเป็นระยะๆ

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกรร่วมกับการจัดฟัน

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เมื่อกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฎิบัติตนสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เมื่อกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน

คำแนะนำการปฏิบัติตนหลังการผ่าตัดขากรรไกร

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

คำแนะนำการปฏิบัติตนหลังการผ่าตัดขากรรไกร

ผศ.ทพ. สุรกิจ วิสุทธิวัฒนากร

ภาควิชาศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล

อาการสำคัญ
– หลังการผ่าตัดจะทำให้เกิดการปวดและบวมได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะจะบวมมากในช่วง 3 วันแรก และจะดีขึ้น หลังผ่านไป 1 – 2 สัปดาห์ สามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์จ่ายให้เมื่อได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน
– อาการชาหลังผ่าตัดเป็นสิ่งปกติ การผ่าตัดขากรรไกรบนสามารถทำให้ริมฝีปากบน แก้ม และปีกจมูกชาได้ การผ่าตัดขากรรไกรล่างสามารถทำให้ริมฝีปากล่าง คาง หรือลิ้นชาได้ อาการชาจะค่อยๆ ดีขึ้น วิตามิน B1 – 6 – 12 สามารถบรรเทาอาการชาได้เร็วขึ้น

 

ระยะเวลาในการพักรักษา
– ระยะเวลาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดอาจกินเวลาประมาณ 3 ถึง 5 วัน
– หลังทันตแพทย์พิจารณาให้กลับบ้านได้แล้ว จะทำการนัดติดตามดูอาการทุกสัปดาห์จนกว่าจะครบ 1 เดือน เพื่อตัดไหม ล้างแผล และปรับการสบฟัน
– กรณีใส่แผ่นพลาสติกใส ที่ติดอยู่กับฟันบนจะเอาออกประมาณ 1 เดือน หลังการผ่าตัด
– ทันตแพทย์อาจจะใช้ยางดึงขากรรไกรบนและล่าง เพื่อแก้ไขการกัดฟันไม่ลงหรือฟันไม่สบกัน ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ระหว่างนี้ผู้ป่วยให้รับประทานน้ำและอาหารเหลวทางปาก ผ่านทางกระบอกฉีดยา ช้อน ถ้วย ใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เมื่อการสบฟันดีขึ้น ผู้ป่วยจะนัดพบกับทันตแพทย์จัดฟันเพื่อทำการจัดฟันต่อไป

 

คำแนะนำการปฏิบัติตนขณะกลับไปพักรักษาต่อที่บ้าน
1. การรับประทานยา ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด/ครบถ้วน ห้ามหยุดยา/เพิ่มหรือลด ขนาดยาเองโดยเด็ดขาด หากมีปัญหาให้รีบติดต่อกลับ
2. การรับประทานน้ำและอาหาร ควรรับประทานอาหารเหลวใสในช่วงสัปดาห์แรกของการผ่าตัดหรืออาหารปั่น เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดของบาดแผลในช่องปาก ไม่ควรเคี้ยวอาหารเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 – 3 เดือน หรือตามทันตแพทย์แนะนำ เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 สามารถเริ่มรับประทานอาหารอ่อนนิ่มได้ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ตุ๋น เกี๊ยมอี๋ และสามารถรับประทานอาหารปกติ (ไม่กรอบ – แข็ง) ได้ เมื่อผ่าตัดไปแล้ว 3 เดือน
3. การปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน สามารถทำได้ตามปกติ 1 – 2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้แรงหนัก เช่น ยกของ วิ่ง เนื่องจากร่างกายมีการสูญเสียเลือด หลังจากสัปดาห์ที่ 2 สามารถออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ หลังสัปดาห์ที่ 12 สามารถออกกำลังกายแบบแอโรบิค วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ได้ ควรหลีกเลี่ยง กีฬาที่มีการปะทะ เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล หรือ กีฬาโลดโผน
4. การนอนหลับ ควรนอนศีรษะสูง 30 องศา ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้ยุบบวมเร็วขึ้น
5. อาจรู้สึกว่ายังมีไหมเย็บอยู่ในช่องปาก ซึ่งไหมดังกล่าวทันตแพทย์จะนัดมาตัดไหม 2 – 3 สัปดาห์ หลังผ่าตัด
6. การประคบเย็น ควรประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมประมาณ 3 – 7 วัน หลังผ่าตัด การประคบอุ่น สามารถประคบหลังจากประคบเย็นอีก 3 – 7 วัน หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์
7. การรักษาความสะอาด ควรรักษาความสะอาดในช่องปากอยู่เสมอโดยการบ้วนปากและเริ่มแปรงฟันได้หลังผ่าตัดวันที่ 2 โดยใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กขนนิ่มของเด็กและควรแปรงอย่างนุ่มนวล ระมัดระวัง อาจใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หลัง 7 วัน
8. ควรหลีกเลี่ยงการขากเสมหะแรงๆ การล้วงเข้าไปในช่องปาก ห้ามเขี่ยแผลเล่น เพราะอาจทำให้แผลเปิดและฉีกขาด มีเลือดออกจากแผลในช่องปากได้ หากมีเลือดออกในช่องปากหรือจมูกให้นอนยกศีรษะสูง ประคบเย็นด้วยน้ำแข็งหรือ Cold Pack บริเวณขากรรไกรและคอและมาพบทันตแพทย์โดยเร็ว
9. การสังเกตภาวะแทรกซ้อน หากมีอาการรุนแรงควรมาพบทันตแพทย์ก่อนวันนัดหมายได้

 

ภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่ผู้ป่วยควรกลับมาพบแพทย์โดยเร็ว
– มีเลือดสีแดงสดจำนวนมากออกทางปาก จมูก หากมีอาการให้รีบประคบเย็นนอกช่องปากแล้วมาพบแพทย์โดยเร็ว (24 ชม.)
– มีอาการบวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังออกจากโรงพยาบาล อาจเป็นได้จากการติดเชื้อหรือมีเลือดออกภายในผิวหนัง
– มีการหายใจลำบาก กลืนน้ำไม่ลง คอบวม เจ็บ เสียงแหบแห้ง
– ขากรรไกรมีการขยับเปลี่ยนตำแหน่งอย่างผิดสังเกต ใบหน้าผิดรูปอย่างชัดเจน
– ได้รับการกระทบกระแทกบริเวณศีรษะ ใบหน้า อย่างรุนแรง
– ภาวะเลือดออกมากผิดปกติหลังผ่าตัด (พบได้น้อย)
– เวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ อาจมีสำลักขึ้นจมูกได้ จึงควรดื่มน้ำและรับประทานอาหารอย่างช้าๆ และอย่างระมัดระวัง
– การผ่าตัดไม่เป็นไปตามแผนการรักษา

 

การนัดตรวจหลังออกจากโรงพยาบาล
ทันตแพทย์จะนัดมาดูแผลผ่าตัดทุก 1 สัปดาห์หลังผ่าตัด และหลังจากนั้นประมาณ 4 – 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด การผ่าตัดจะเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น หลังเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจยุบบวม ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักกลับไปทำงานได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน แพทย์และทันตแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาเพื่อประเมินผลการรักษาเป็นระยะๆ

รู้…ก่อนจัดฟัน

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

รู้…ก่อนจัดฟัน

ผศ.ดร.ทพญ. ศศิภา ธีรดิลก

ภาควิชาทันตกรรมทั่วไปขั้นสูง

การจัดฟัน คืออะไร
การจัดฟัน คือ งานสาขาหนึ่งทางทันตกรรมที่ให้การรักษาความผิดปกติของการเรียงตัวของฟันและการสบฟันในช่องปาก โดยการจัดฟันจะมีการเคลื่อนที่ของฟันไปยังตำแหน่งใหม่ เพื่อเรียงฟันให้ดีขึ้นและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม นอกจากนี้ทันตแพทย์จัดฟันจะทำการวิเคราะห์ วินิจฉัย วางแผนป้องกัน และรักษา ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งและขนาดของขากรรไกร ตลอดจนความสัมพันธ์ของขากรรไกรกับใบหน้าด้วย

 

ทำไมจึงต้องจัดฟัน
การจัดฟันเป็นการให้การรักษา เพื่อให้ฟันมีการเรียงตัวที่ตรงขึ้น มีการสบฟันที่ดีขึ้น เพื่อให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพ อาจลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดฟันผุหรือโรคเหงือก อันเนื่องมาจากความลำบากในการทำความสะอาดฟันและเหงือกในบริเวณที่ฟันเรียงตัวผิดปกติและซ้อนเกและยังอาจช่วยเสริมบุคลิกภาพจากการที่มีฟันเรียงกันสวยงาม

 

ควรจัดฟันเมื่ออายุเท่าไหร่
การจัดฟันเป็นการที่ทันตแพทย์จัดฟันเคลื่อนที่ฟันไปที่ตำแหน่งใหม่ ในระหว่างการเคลื่อนที่ของฟันกระดูกที่รองรับฟันและที่อยู่รอบๆรากฟันจะมีการทำลายและมีการสร้างตัวใหม่ (รูปที่ 6)ดังนั้นในผู้ป่วยเด็ก จะมีความสามารถของกระบวนการสร้างเสริมกระดูกรอบๆรากฟันรวดเร็วและดีกว่าในผู้ป่วยผู้ใหญ่ จึงแนะนำให้ผู้ป่วยเด็กที่ฟันน้ำนมหลุดออกไปหมดแล้วเริ่มมารับการรักษาทางการจัดฟัน ซึ่งผู้ป่วยเด็กกลุ่มนี้จะมีอายุประมาณ 11-12 ปี แล้วแต่บุคคล ในผู้ป่วยเด็กจึงมักจะใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าในผู้ป่วยผู้ใหญ่

สำหรับผู้ป่วยเด็กที่ไปพบทันตแพทย์เด็กสม่ำเสมอ ก็จะได้รับการตรวจดูแลสภาพช่องปากเป็นประจำ และเมื่อทันตแพทย์เด็กตรวจพบความผิดปกติใดๆของการสบฟัน ก็จะมีการส่งต่อผู้ป่วยเพื่อขอรับคำแนะนำจากทันตแพทย์จัดฟันต่อไป

 

การเตรียมตัวก่อนจัดฟัน
การมีเครื่องมือจัดฟันติดอยู่บนผิวฟัน เมื่อรับประทานอาหารก็จะมีเศษอาหารติดที่เครื่องมือจัดฟัน (รูปที่ 8) และระหว่างเครื่องมือกับผิวฟันได้ง่ายขึ้น ก่อนการติดเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น ทันตแพทย์จัดฟันจะส่งตัวผู้ป่วยให้ไปทำความสะอาดช่องปากโดยการขูดหินปูน รวมถึงการอุดฟันที่ผุทั้งช่องปากให้เรียบร้อยก่อนมาติดเครื่องมือจัดฟัน เพราะถ้าผู้ป่วยมีฟันผุและดูแลสภาพช่องปากของตนเองได้ไม่ดี การติดเครื่องมือติดแน่นในช่องปากจะทำให้การผุลุกลาม รวดเร็วขึ้นและโรคเหงือกจะเป็นรุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดเหงือกทั่วไปในช่องปากอักเสบมากได้

 

การดูแลสุขภาพช่องปากระหว่างการจัดฟัน
เมื่อมีเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นในช่องปาก การรับประทานอาหารแต่ละครั้ง จะมีเศษอาหารติดที่เครื่องมือและที่รอยต่อระหว่างเครื่องมือจัดฟันและผิวฟันได้ง่าย เมื่อได้รับการรักษาจัดฟัน ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องดูแลทำความสะอาดฟันและเหงือกของตนเองให้ดีกว่าการดูแลฟันปกติ คือ ต้องแปรงฟันหลังการรับประทานอาหารทุกครั้ง ให้ใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้แก่ แปรงซอกฟันขนาดเล็ก (รูปที่ 9) โดยหลังจากการแปรงฟันปกติ ต้องใช้แปรงซอกฟันขนาดเล็กทำความสะอาดที่รอบๆ ฐานbracketและตรงรอยต่อที่ติดกับผิวฟันด้วย ต้องใช้ไหมขัดฟัน โดยให้ร้อยไหมขัดฟันเข้าไปใต้ลวดจัดฟันและทำความสะอาดที่ซอกระหว่างฟันด้วย

 

หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้วต้องทำอย่างไรต่อไป
หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นแล้ว ยังต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟันซึ่งเป็นเครื่องมือแบบถอดได้ต่อไปอีก โดยให้ใส่ตลอดเวลาทั้งวันและใส่ตอนนอน ถอดออกเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารและแปรงฟัน อย่างน้อย 6 เดือน หลังจากนั้นให้ใส่เครื่องมือคงสภาพฟันเฉพาะตอนนอน อีกประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้ฟันที่ได้จัดเรียบร้อยแล้วคงสภาพเรียงตรงอยู่ได้

ไขปัญหาระหว่างการจัดฟัน

1-ทันตกรรมจัดฟัน และการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร

MU DENT faculty of dentistry

ไขปัญหาระหว่างการจัดฟัน

อ.ทพ.ดร.ณัฐพล ตั้งจิตร

ภาควิชาทันตกรรมจัดฟัน

1. จัดฟันแล้วพูดไม่ชัด,น้ำลายหก เกิดจากสาเหตุใด

Ans : ในระยะแรกที่เริ่มติดเครื่องมือจัดฟันไป ผู้ป่วยส่วนมากจะพบปัญหาการพูดไม่ชัด บางคนถึงขั้นน้ำลายหกโดยไม่รู้สึกตัว เนื่องจากผู้ป่วยยังไม่ชินกับอุปกรณ์ที่ทันตแพทย์ติดที่ผิวฟัน รวมทั้งลวด อุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีผลทำให้ขัดขวางการออกเสียง หรือปิดปากได้ไม่สนิท แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป หลังจากที่ผู้ป่วยเริ่มปรับตัวได้โดยที่ร่างกายเราจะปรับตัวได้เอง ซึ่งระยะเวลาในการปรับตัวนั้นช้าหรือเร็วแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ เพราะฉะนั้นคนที่เริ่มจัดฟันไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ หลังจากติดเครื่องมือไปใหม่ๆ พยายามจิบน้ำเปล่าบ่อยๆ ไม่ให้ปากแห้ง จะช่วยลดการเสียดสีของเครื่องมือกับริมฝีปากและกระพุ้งแก้มได้ ป้องกันการเป็นแผลในช่องปากและช่วยให้เราปรับตัวกับเครื่องมือได้ง่ายขึ้น

 

2. จัดฟันแล้วมีปัญหากลิ่นปาก

Ans : ปัญหากลิ่นปากเกิดจากการที่มีเศษอาหารตกค้างอยู่ภายในช่องปากเป็นเวลานาน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเครื่องมือจัดฟันไป จะทำให้เศษอาหารตกค้างได้ง่ายกว่าปกติ และทำความสะอาดได้ยาก ดังนั้นระหว่างที่จัดฟันอยู่จำเป็นต้องดูแลทำความสะอาดฟันให้มากกว่าปกติ แปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหารและก่อนนอน ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟันที่ออกแบบมาสำหรับคนที่กำลังจัดฟัน นอกจากนี้อาจใช้ร่วมกับแปรงซอกฟันและน้ำยาบ้วนปากหลังจากที่แปรงฟันเสร็จแล้ว หลังจากแปรงฟันเสร็จ อย่าลืมแปรงลิ้นด้วยนะครับ เพราะลิ้นเป็นอีกแห่งที่มีการสะสมของคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย นอกจากนี้หมั่นไปตรวจสุขภาพช่องปากและรับการขูดหินปูนเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

 

3. เผลอกลืนอุปกรณ์จัดฟันลงคอ ควรทำอย่างไร

Ans : ในบางครั้งอาจมีการหลุดของอุปกรณ์จัดฟันอย่างเช่น แบร็คเก็ต ยางจัดฟัน ผู้ป่วยบางรายอาจเผลอกลืนลงไป แต่ไม่ต้องกังวลครับ เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันทำมาจากวัสดุที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ยกเว้นอุปกรณ์ที่ติดกับหมอเถื่อน ไม่ทราบแหล่งที่มาของอุปกรณ์ได้แน่ชัด อันนี้หมอไม่รับประกันนะครับ โดยปกติหลังจากกลืนลงคอไปแล้ว ร่างกายจะกำจัดออกมาทางการขับถ่ายตามปกติ คำแนะนำจากหมอคือพยายามปฏิบัติตามที่ทันตแพทย์บอก หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีลักษณะแข็ง เหนียว หรือชิ้นใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้อุปกรณ์จัดฟันหลุดได้ นอกจากมีโอกาสกลืนลงคอได้ ยังทำให้การรักษาไม่คืบหน้า ส่งผลให้การรักษาใช้เวลาที่นานขึ้น

 

4. เหล็กจัดฟันชอบหลุดต้องรอให้ถึงกำหนดนัดหรือไม่

Ans : ในกรณีที่สามารถพบทันตแพทย์จัดฟันได้เร็วกว่ากำหนดนัด ก็แนะนำให้ไปพบได้ก่อนเพื่อให้คุณหมอตรวจและแก้ไขแต่เนิ่นๆ เพราะว่าการที่เหล็กจัดฟันหลุดบ่อยจะมีผลให้การรักษาไม่คืบหน้าและต่อเนื่อง หากเหล็กจัดฟันหลุดในตำแหน่งฟันซี่สุดท้าย มักจะทำให้ปลายลวดทิ่มที่กระพุ้งแก้มเป็นแผลได้ ทางที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีผลให้เหล็กจัดฟันหลุดได้ง่าย เช่น การรับประทานอาหารที่แข็งเกินไป หรือมีลักษณะเหนียว เช่น น้ำแข็ง ท้อฟฟี่ ถั่ว ผลไม้ดิบ เป็นต้น แนะนำให้หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กพอคำก่อนทาน แปรงฟันไม่แรงจนเกินไป ระวังปลายหัวแปรงกระแทกกับเหล็ก หรือการใช้ไม้จิ้มฟันไม่ระวังซึ่งอาจทำให้เหล็กจัดฟันหลุดได้

 

5. ลวดทิ่มแก้มหรือเหงือกจนเป็นแผลทำอย่างไรดี

Ans : หากปลายลวดยื่นออกมาไม่มากนัก แนะนำใช้ขี้ผึ้งที่ได้รับจากทันตแพทย์จัดฟัน ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ แล้วแปะทับไปที่ลวดหรือเครื่องมือที่แหลมคม แต่ถ้าปลายลวดยื่นออกมามาก หรือปลายลวดหลุดออกมาจากเหล็กจัดฟัน ให้รีบไปพบแพทย์ที่เรารักษาอยู่ เพื่อแก้ไขได้ทันท่วงที

 

6. ยางรัดลวดจัดฟันสีสันมีประโยชน์อะไรหรือไม่

Ans : สีสันต่างๆของยางจัดฟัน ไม่ได้มีผลต่อการรักษา เพราะทำมาจากวัสดุชนิดเดียวกัน คุณสมบัติเหมือนกัน เพียงแต่ใส่สีเพื่อความสวยงาม และมีความหลากหลาย กระตุ้นให้ผู้ป่วยอยากมาเปลี่ยนสียางในทุกๆ เดือน แต่ในบางคนที่อยู่ในวัยทำงานหรือผู้ชายมักจะไม่นิยมสีสัน ไม่อยากให้ดูเด่นจนเกินไป ก็มักจะเลือกสียางที่เป็นสีใส สีเหมือนฟันหรือสีเงินกลมกลืนไปกับเหล็กจัดฟัน

 

7. จัดฟันบนหรือฟันล่างอย่างเดียวได้ไหม เพราะอะไร

Ans : ในกรณีที่จัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติเพียงซี่ สองซี่ สามารถจัดฟันแค่ฟันบนหรือฟันล่างอย่างเดียวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเราจะจัดฟันทั้งฟันบนและฟันล่างเพื่อให้มีการสบฟันที่ดี สบฟันได้สนิท ส่งผลให้ระบบการเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพ กระจายแรงบดเคี้ยวไปที่ฟันทุกๆ ซี่ ลดปัญหาฟันสึก ประสาทฟันอักเสบ รวมไปถึงป้องกันการเกิดโรคข้อต่อขากรรไกรได้

 

8. ถ้าต้องย้ายที่อยู่หรือต้องการเปลี่ยนหมอควรทำอย่างไร

Ans : อันดับแรกคือต้องไปปรึกษาหมอที่จัดฟันให้เราอยู่ก่อนว่าเราไม่สะดวกจัดฟันต่อ ขอให้คุณหมอช่วยเขียนหนังสือส่งตัว หรือหนังสือย้ายเคส พร้อมทั้งขอแบบพิมพ์ฟันก่อน / ระหว่างการรักษา ฟิลม์เอ็กซเรย์ รูปถ่ายและประวัติการรักษา เพื่อให้คุณหมอที่จะรับทำต่อ สามารถวางแผนการรักษาต่อไปได้ ตามปกติแล้ว จะไม่แนะนำให้ย้ายเคสโดยไม่มีเหตุจำเป็น เพราะทำให้การรักษาเสียเวลานานขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ต้องเริ่มจ่ายใหม่ อีกทั้งหาคุณหมอที่จะรับเคสต่อได้ยาก ดังนั้นก่อนการจัดฟัน เราต้องวางแผนให้ดีก่อนว่าจะสามารถมาทำการรักษากับคุณหมอท่านนั้นได้ต่อเนื่องตลอดการรักษาได้หรือไม่

 

9. หลังจากที่จัดเสร็จฟันจะมีสภาพเรียงตัวเช่นนี้ได้นานเท่าใด ตลอดชีวิตหรือไม่

Ans : การเรียงตัวของฟันหลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้วจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือเรียกว่า รีเทนเนอร์ (Retainer) เพราะหลังจากจัดฟันแล้ว ฟันจะมีแนวโน้มเคลื่อนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมก่อนการจัดจากแรงของเนื้อเยื่อภายในช่องปาก จึงจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์จนกว่าเนื้อเยื่อต่างๆ ภายในช่องปากจะปรับตัวเข้าสู่สมดุลภายใต้สภาพการเรียงตัวของฟันใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจัดฟันเสร็จ ส่วนระยะเวลาในการใส่รีเทนเนอร์ของแต่คนละคนจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์จัดฟันผู้ให้การรักษา ซึ่งโดยปกติจะใส่รีเทนเนอร์อย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป