Generic selectors
Exact matches only
Search in title
Search in content
Post Type Selectors
alumni-30-1

ชื่อ : ทันตแพทย์หญิงมินทร์ประภา อัศวิษณุ ชื่อเล่น : มีมี่
ศิษย์เก่าโรงเรียนทันตแพทยศาสตรนานาชาติ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (รุ่นที่ 1)
(Mahidol International Dental School : MIDS)
หลักสูตร ทันตแพทยศาสตร์บัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ)
Doctor of Surgery Program (International Program)
ระยะเวลาในการศึกษา : 6 ปี (พ.ศ. 2557 – 2563)

 

เพื่อนๆที่มาเรียนรุ่นเดียวกันมาจากไหนบ้างคะ…
เพื่อนๆ รุ่นมี่มาจากหลากหลายโรงเรียนมากเลย ทั้งโรงเรียนหลักสูตรไทยหรือ English program และก็โรงเรียนอินเตอร์ที่เป็น American or British System ความหลากหลายของรุ่นเราเลยเป็นอะไรที่สนุกสนานและเปิดโลกกันมาก ทุกคนจะมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกันในการเรียนกับอ่านหนังสือ ภูมิใจและขอบคุณเพื่อนๆมากๆที่พากันเรียนจนจบพร้อมกันทุกคนได้

 

มีวิชาที่ยากและหนักใจไหม ปรับตัวอย่างไรบ้าง…
สำหรับมี่จะรู้สึกวิชาที่เรียนช่วงปี 1 กับ 2 จะยากที่สุด ปี 1 เป็นการเรียน basic sciences อย่างเช่น ชีวะ เคมี ฟิสิกส์ แคลคูลัสในขั้นสูงที่ซับซ้อนและเข้มข้นกว่ามัธยมอีก ด้วยความที่ทุกคนมาจากโรงเรียนหลากหลายหลักสูตร ดังนั้นพื้นฐานวิทยาศาสตร์เราต่างกันหมดเลย เป็นการปรับตัวครั้งใหญ่สุดเลยในชีวิต แต่ปี 1 ก็จะเป็นช่วงที่สนุกที่สุดเช่นกันเพราะเราได้ไปอยู่ที่ศาลายากับเพื่อนๆ ต่างคณะและได้เข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ๆ ของมหาวิทยาลัยมหิดลกับกิจกรรมของคณะทันตแพทยศาสตร์ จะเป็นคณะหนึ่งที่ได้อยู่ที่นี่แค่ปีเดียว ดังนั้นปี 1 มักจะเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและน่าจดจำมากที่สุดของเหล่าคณะที่ต้องข้ามฟากไปเมื่อจบปี 1 ข้ามฟากมา ชีวิตนอกจากจะไม่ได้สบายขึ้นเท่าไหร่เลย แต่หนักกว่าเดิมอีกค่ะ เจอความซับซ้อนและเนื้อหาเข้มข้นของวิชา Anatomy neuroanatomy histology biochemistry เรานี่แทบไม่มีเวลาทำกิจกรรมอะไรอีกเลย ตอนสอบกลางภาค – ปลายภาค แต่ละทีก็สอบ 6 – 7 วิชาติดกันเลยทุกวัน หัวแทบระเบิดเลยค่ะ😊ทุกวันนี้ยังคงอัศจรรย์ใจในตัวเองที่สอบผ่านมาได้ค่ะ

ตอนมี่ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยอาจารย์สิ่งหนึ่งที่รู้สึกว่ามีประโยชน์มากๆ คือการมี Empathy Compassion (เอาใจเขามาใส่ใจเรา และเอาใจเรามาทำความเข้าใจหัวใจตนเอง) เพื่อนำไปสู่การเข้าใจคนหลากหลายประเภท เป็นสิ่งที่ปกติมากที่ธรรมชาติของคนเราจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ไม่เหมือนเราและมองว่าสิ่งที่เขาเป็น กระทำหรือคิดอยู่มันแปลก เพราะเรามักจะเผลอใช้ความคิดในมุมของเรา มาเป็นมาตรฐานในการตัดสินคนอื่น
มี่เลยสนใจในเรื่องของ MBTI กับ Enneagram ซึ่งเป็น Personality Tests ที่เป็นการจับกลุ่มของคนที่มีลักษณะนิสัย Cognitive Functions และ Instincts (การคิดและสัญชาตญาณ) คล้ายกัน แบบทดสอบพวกนี้คิดค้นมาจากหลักการของจิตวิทยา การถูกแบ่งตามกรุ๊ปไม่ได้จำกัดเราเลยว่าเราจะต้อง เป็นแบบนี้ไปตลอด แต่ทำให้เรารู้จุดแข็งและจุดอ่อนของเรา เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราได้ทบทวนและรับรู้ถึงการกระทำของตัวเราเอง นอกจากนั้นยังช่วยทำให้เราเข้าใจคนที่คิดและกระทำต่างจากเรา ไม่ใช่ว่าเขาผิดปกติแต่ใดเลย แต่กระบวนการคิดเขาแค่มีวิธีการคิดที่ต่างจากเรา เมื่อเราเข้าใจในบุคลิกภาพประเภทต่างๆ เราจะเป็นคนที่เปิดใจรับทุกอย่างมากขึ้นและลดฐิติของเราลง
มี่ได้ไปเข้าคอร์สเรียน MBTI และตอนนี้เป็น MBTI Certified Practitioner (หลักสูตรการอบรมที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจทฤษฎีรูปแบบบุคลิกภาพทั้งในระดับพื้นฐานและในระดับที่ลึกซึ้ง)… “มี่หวังว่าจะนำความรู้นี้เพื่อช่วยให้นักศึกษาเข้าใจตนและเพื่อนๆ MBTI จะทำให้เราภูมิใจในตัวตนเราและรู้จักการงัดจุดแข็งเราออกมาในเวลาที่เหมาะสม และมี่เชื่อว่าจะลดความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันได้เยอะเลยค่ะ”

 

พ.ศ. 2567 – ปัจจุบัน :
ศึกษาหลักสูตรการฝึกอบรมทันตแพทย์ประจำบ้านพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพทันตกรรม สาขาปริทันตวิทยา + Higher Grad Periodontology and Implant ที่จุฬาลงกรณ์ หลักสูตร 3 ปี [ ปัจจุบันอยู่ชั้นปีที่ 1 (R1) ]

 

ใครเป็นผู้แนะนำหรือรู้จัก สาขานี้ได้อย่างไรคะ…
จริงๆ แล้วสาขาปริทันตวิทยาไม่ได้เป็นสาขาที่เราเลือกอยากเรียนต่อเป็นอันดับแรกเลยค่ะ เพราะประสบการณ์ในสาขานี้ตอนสมัยยังเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ยังน้อยและเบสิกมากๆ กว่าจะค้นตัวเองเจอว่าอยากเรียนต่อสาขาไหนคือตอนทำงานไปแล้วถึง 2 ปีเลย มี่เป็นรุ่นที่จบในช่วงที่โควิดกำลังมาพอดีเลยและประเทศก็ถูกล๊อคดาวน์ไป แต่มี่โชคดีมากๆ ที่ตอนจบใหม่ได้โอกาสไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เจอเคสหลากหลายมาก เราได้เคสผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบขั้นรุนแรง ค่อนข้างเยอะแบบแทบจะเจอวันละเคสเกือบทุกวันเลยแรงบันดาลใจจึงค่อยๆเกิดเพราะผู้ป่วยมักมองเราเป็นความหวังสุดท้ายของเขาในการช่วยผู้ป่วยเก็บฟัน ที่หมอ GP หลายๆ คน วินิจฉัยว่าไม่มีโอกาสรักษาให้ดีขึ้นได้ ส่วนเราตอนนั้นในฐานะ GP คนหนึ่งที่แนะนำผู้ป่วยให้ถอนฟันซี่ที่กระดูกละลายไปเยอะมากแล้ว แต่กลับมีหมอปริทันต์ท่านหนึ่ง ที่สู้จนผู้ป่วยคนนั้นเก็บซี่นั้นได้ เราถึงกับตะลึงกับความใจสู้ของหมอปริทันต์ เพราะเขา Can Treat What We Deemed Was Impossible! (สามารถรักษาในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จนสำเร็จ)

 

แผนการในอนาคต
ตอนนี้มี่ตั้งใจอยากเรียนต่อเฉพาะทางให้จบเพื่อกลับมาเป็นอาจารย์ที่ให้ความรู้นักศึกษาทันตแพทย์รุ่นต่อไปค่ะ นอกจากเป็นอาจารย์ที่ให้ความรู้ทางหนังสือ แล้วมี่อยากนำจิตวิทยาเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาของเราทางจิตใจ มหาวิทยาลัยมหิดลเริ่มมีโครงการเพื่อ Raise Mental Health Awareness and Help (เพื่อช่วยเหลือและสร้างความตระหนักรู้ถึงสุขภาวะทางใจ) ซึ่งมี่ตั้งใจอยากเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเหล่านี้ในอนาคตแน่นอนค่ะ

 

มีอะไรจะฝากทิ้งท้ายไหมคะ…
ในอนาคตถึงแม้มี่จะได้เป็นทันตแพทย์และอาจารย์ แต่มี่ไม่ได้ไขว่คว้าแต่ความรู้ที่เกี่ยวกับทันตกรรม มี่ได้เห็นเพื่อนๆ หลายคนที่ไปเรียนต่อสาขาคณะอื่นหรือต่อยอดทักษะตนเอง ในสิ่งที่นอกกรอบ ที่ไม่ใช่การทำฟันอย่างเดียว ชีวิตเรามีหนทางและโอกาสได้ทำอย่างอื่นอีกมากมาย ดังนั้นเราไม่จำเป็น ต้องทำฟันเก่งอย่างเดียว เราถึงจะมีความสุขหรือประสบความสำเร็จนะคะ บางคนกว่าจะค้นพบตัวเอง คือหลังเรียนจบและทำงานสักพักแล้วแบบมี่

 

“Everyone has their own timings in their life, don’t compare yourself to anyone and just trust the process of fate”