Page 22 - หนังสือที่ระลึก สิรินเด้นท์ มหิดล for ebook
P. 22

แนวคิดของการนํานํ้ามันมะพร้าว                              ตั้งสมมติฐานว่าโมโนลอริน (Monolaurin) ชึ่งเป็นโมโนกลีเซอไรด์ของ

     มาใช้เป็นส่วนประกอบหลักในยาสีฟันนํ้ามันมะพร้าว             กรดลอริก (monoglycerides of lauric acid) และกรดไขมันสายกลาง
                                                                (Medium-chain fatty acids, MCFAs) ที่มีอยู่ในนำ้ามันมะพร้าว สามารถ
                                                                ทำาลายผนังเซลล์และเยื่อหุ้มเซลล์ของแบคทีเรีย (cell wall และ cell
                                                                membrane) รวมทั้งยับยั้งเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานและสาร
                                                                อาหารของแบคทีเรีย ส่งผลให้แบคทีเรียตาย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยต่างๆ
                                                                ที่แสดงให้เห็นว่าโมโนลอรินจากนำ้ามันมะพร้าวมีฤทธิ์ต้านจุลชีพทั้งแกรม
                                                                บวกและแกรมลบหลายชนิด














             ในช่วงประมาณปีพุทธศักราช 2545 เป็นต้นมา จากกระแส
     ของแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) ได้มีการนำาศาสตร์ทาง
     อายุรเวทมาใช้ในการดูแลสุขภาพช่องปาก ได้แก่ การทำา oil pulling หรือ
     oil swishing (การใช้นำ้ามันในการอมกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง) โดยกลั้วปาก
     ด้วยนำ้ามันที่บริโภคได้ เป็นเวลาประมาณ 10 นาที เชื่อว่ากระบวนการนี้มี    คุณสมบัติของนำ้ามันมะพร้าวอีกประการหนึ่งคือ กลไกสะพอ
     ประโยชน์ในการป้องกันโรคในช่องปาก ได้แก่ ฟันผุ เหงือกอักเสบ กลิ่นปาก  นิฟิเคชั่น (saponification) หรือ ขบวนการทำาให้เกิดสบู่ของนำ้ามันมะพร้าว
     การที่มีริมฝีปากแตกและปากแห้ง                              ที่เป็นผลมาจาก  alkaline  hydrolysis  ของไขมันนำ้ามันที่มี
             มีการศึกษาถึงคุณสมบัติของนำ้ามันและผลของการทำา oil pulling  saponification number (SN) สูงทำาให้เกิดฟองได้มาก เช่น นำ้ามัน
     ตีพิมพ์ในหนังสือ วารสารและวิทยาสารต่างๆ ในด้านคุณสมบัติ พบว่า  เมล็ดในปาล์ม (palm kernel oil) นำ้ามันมะพร้าว และนำ้ามันบาบาสซู
     นำ้ามันพืชต่าง ๆ เช่น นำ้ามันดอกทานตะวัน นำ้ามันงา และนำ้ามันมะพร้าว ถูกนำา (babassu  oil)  (จากตาราง  1)  การที่พบว่านำ้ามันมะพร้าวมีค่า
     มาใช้เป็นนำ้ายาบ้วนปากเนื่องจากมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ จากการศึกษาในหลอด สะพอนิฟิเคชั่นสูง (high saponification value) จึงเป็นนำ้ามันที่
     ทดลองพบว่านำ้ามันงามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียก่อโรคฟันผุ S. mutans นำ้ามัน ใช้กันทั่วไปในการทำาสบู่  ถือเป็นสารทำาความสะอาดที่ดี  และเป็น
     ดอกทานตะวันมีฤทธิ์ต้านเชื้อราในปาก C. albicans ในขณะที่นำ้ามันมะพร้าว อิมัลซิไฟเออร์  (emulsifier)  ที่มีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้การ
     แสดงฤทธิ์ต้านจุลชีพต่อทั้ง S. mutans และ C. albicans นอกจากนั้น กลั้วนำ้ามันมะพร้าวไปมาในช่องปากจะทำาให้เกิด emulsification เกิดการ
     นำ้ามันมะพร้าวที่มีขายตามท้องตลาดในประเทศไทย ยังพบมีกรดไขมันชนิด  กระจายตัวเป็น droplets เพิ่มพื้นที่ผิวของนำ้ามันและเพิ่มประสิทธิภาพ
     medium chain fatty acid, MCFAs ที่มีประโยชน์อย่างมากมาย เช่น  การทำาความสะอาด ดังนั้นการที่นำ้ามันมะพร้าวสามารถเป็น emulsifier
     กรดลอริก คาโปรอิก คาปริลิก ไมริสติก และกรดสเตียริก (Lauric acid,  จึงสามารถนำามาใช้ทดแทนการใช้สารที่เป็นสบู่หรือ Sodium lauryl
     Caproic acid, Caprylic acid, Myristic acid and Stearic acid) โดยเฉพาะ sulfate (SLS) ซึ่งเป็นสารทำาให้เกิดฟองที่มักพบในส่วนประกอบของยาสีฟัน
     อย่างยิ่งคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของกรดลอริก ที่มีอยู่ในนำ้ามัน ทั่วไป พบว่า SLS มีความสัมพันธ์กับการเกิดแผลในช่องปาก aphthous
     มะพร้าวเป็นส่วนใหญ่ โดยพบเกือบ 50% ของปริมาณไขมันในมะพร้าว  ulceration และ การระคายเคืองเนื้อเยื่อบุผิวหรือ mucosal irritation
     ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่ามีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ต้านไวรัส และต้านการอักเสบ มีการ


      4         ยาสีฟันสมุนไพรน้ำามันมะพร้าว
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27