
ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
ชื่อ ผศ.ดร.ทพ.ขจรเกียรติ เจนบดินทร์ อาจารย์ประภาควิชากายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชื่อเล่นที่ส่วนใหญ่ทุกคนในคณะฯหรือนักศึกษารู้จักและเรียกกันคืออาจารย์จ้อน หรืออาจารย์พี่จ้อนครับ
ผมจบทันตแพทยศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 ในปี 2546 (รุ่นที่ 30) จากมหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้นได้ไปศึกษาต่อปริญญาเอก สาขาชีววิทยาช่องปาก เน้นการวิจัยทาง stem cell ในปีก 2550 ที่ University of Washington เมือง Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล แผนกทันตแพทยศาสตร์ ประจำปี 2549 ใช้เวลาในการศึกษา ปริญญาเอก 5 ปีครึ่ง หลังจากนั้น ก็ได้รับโอกาส จากมหาวิทยาลัยที่สำเร็จการศึกษา ร่วมกับการอนุมัติจากคณะและภาควิชาให้ทำงานในตำแหน่ง Post-doctoral เพื่อส่งเสริมประสบการณ์ในการทำวิจัยที่มากขึ้นประมาณ 1 ปีกว่า ก่อนจะกลับมาทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี 2558 ครับ
มีการปรับตัวอย่างไรบ้างคะ ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่นั่น?
การปรับตัวโดยส่วนตัว มีอยู่ 2 ข้อใหญ่ๆ ครับ
ข้อแรกคือในส่วนของภาษาที่ใช้ในการสื่อสารครับ การใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก แต่เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาแรกของเรา เมื่อผมไปถึงก็อาจมีความลำบากมากในการสื่อสาร ทั้งในส่วนของการพูดคุยและฟัง จากที่ผมเดิมเป็นคนค่อนข้างคุยเก่ง พอไปที่โน่นก็ค่อนข้างจะมีปัญหาอย่างมากในช่วงแรก ถึงขั้นกลายเป็นคนเงียบ พูดน้อย เพราะไม่กล้าพูดและอาย กลัวว่าจะผิดหรือกลัวว่าคนที่เราสนทนาด้วยจะไม่เข้าใจ แต่ท้ายสุดผมก็มาคิดไตร่ตรองดูแล้วว่า ทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือต้องกล้าที่จะพูดคุย กล้าที่จะสื่อสาร เพราะภาษาเป็นเรื่องของการฝึกฝน แม้ว่าผมจะพูดผิดพูดถูกบ้าง อาจารย์หรือเพื่อนๆก็จะช่วยบอก แนะนำและช่วยแก้ไข ถ้าผมมัวแต่อาย ไม่กล้า ผมก็จะอยู่แบบไม่มั่นใจและทักษะทางภาษาก็คงจะไม่มีการพัฒนาอย่างแน่นอนครับ
ข้อสองคือในส่วนของวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ แตกต่างจากประเทศไทยอย่างมากเพราะฉะนั้นผมก็ต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวเป็นอย่างมาก แต่คงต้องยอมรับว่าการใช้ชีวิตในต่างแดนเป็นอะไรที่ท้าทายและเปิดโลกทัศน์อย่างมากครับ ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย รวมถึงยอมรับในความแตกต่างของบุคคลจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
มีเหตุการณ์ใดที่ประทับใจระหว่างเป็นนักเรียนทุนที่มหาวิทยาลัยที่อาจารย์เรียนบ้างคะ?
ความประทับใจของผมจริงๆ มีอยู่หลายเหตุการณ์ แต่ขอเลือกมา 2 เหตุการณ์ครับ เหตุการณ์แรก คือวันที่ตนเองจะสำเร็จการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอผลงานวิจัยที่ผมได้ทำมาตลอดการเรียนปริญญาเอก ทั้งอาจารย์ เพื่อนๆ ชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้พากันมาเข้าฟังการนำเสนอของผม บอกได้คำเดียวเลยครับว่าวันนั้นรู้สึกดีมาก ทั้งรู้สึกตื่นเต้น กังวล รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ผมพยายามฝ่าฟันมาตลอดห้าปีและรู้สึกได้ถึงกำลังใจที่ทุกคนมีให้
เหตุการณ์ที่สองคือ ก่อนที่จะกลับมาเมืองไทย ผมมีความประทับใจอย่างมาก ตอนที่มีเพื่อนๆ ทั้งคนไทย และคนต่างชาติมากกว่า 50 คนได้ครับ จัดงานเลี้ยงส่งผมเป็นงานเลี้ยงแบบ surprise ซึ่งพวกเพื่อนๆ บอกว่าเตรียมวางแผนกันเกือบเดือน เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ผมรู้สึกถึงความรักของเพื่อนๆ ที่มีให้กันครับ ทำให้ผมรู้สึกสอบผ่านจากวันแรกที่ใช้ชีวิตในต่างแดนจนก่อนกลับ ผมก็ไม่เคยคาดฝันว่าจะได้รับมิตรภาพที่ดีขนาดนี้ เพราะผมก็มองตัวเองเป็นแค่นักเรียนต่างชาติคนหนึ่งเท่านั้น
อะไรคือแรงผลักดันหรือปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในการศึกษาคะ?
ผมคิดว่าแรงผลักดันของผมก็คือ ผมต้องการศึกษาหาความรู้ในระดับปริญญาเอกเพื่อมาใช้ในการพัฒนาศักยภาพของการเป็นอาจารย์ผู้สอนที่คณะฯแห่งนี้ครับ ทั้งในส่วนของงานสอนและงานวิจัย ผมมีความตั้งใจว่าจะพยายามตักตวงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้จากการเรียน การศึกษา รวมถึงประสบการณ์ชีวิตเพราะผมคิดว่าสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในต่างแดน ผมจะนำมาพัฒนาคณะฯและถ่ายทอดให้กับนักศึกษารุ่นหลังต่อๆไปได้ครับ
มีผลงานที่สำคัญหรือผลงานที่อาจารย์ภาคภูมิใจอยู่ในขณะนั้นหรือไม่คะ?
ตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกาก็ได้รับรางวัล จากมหาวิทยาลัย ชื่อรางวัล Magnuson Award ครับ เป็นรางวัลที่ทางมหาวิทยาลัยและคณะกรรมการ ตัดสินเลือกจากนักศึกษา หลังปริญญาที่ส่งโครงร่างงานวิจัยไปเพื่อรับการคัดเลือกในระดับโรงเรียนทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้ได้รับการคัดเลือกเพียง 1 คนครับ ในปีนั้นผมได้ส่งงานเข้าประกวดก็ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลนี้ ส่วนโครงการวิจัยที่สำคัญที่ได้ทำในปัจจุบันนี้ก่อนอื่นผมก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างลำบากเหมือนกันในปัจจุบันหลังจากกลับมา เนื่องจากภาระงานสอนที่เข้ามา แต่ตอนนี้ผมคิดว่าจาก 1 ปีที่ผ่านไป งานสอนเริ่มคงที่แล้วครับ ขึ้นตอนต่อไปก็จมุ่งเน้นเรื่องการทำวิจัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของงานวิจัยระดับนักศึกษาทันตแพทย์และนักศึกษาหลังปริญญา ซึ่งปัจจุบันผมมุ่งเน้นงานวิจัยเกี่ยวกับ stem cell จากฟันและต่อมน้ำลายครับ ผมพยายามที่จะสร้างสรรค์ผลงานวิจัยให้มากขึ้นและถ้าเป็นไปได้ก็จะพยายามผลักดันและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งนักศึกษาก่อนปริญญาและหลังปริญญาสำหรับการทำวิจัยด้วยครับ ผมคิดว่าจากจุดนี้เองก็น่าจะทำให้งานวิจัยของทางคณะฯ เป็นที่ตระหนักมากขึ้นในระยะยาว
สุดท้ายที่ตัวเองมาถึงทุกวันนี้ได้ ก่อนอื่นอยากจะขอบคุณครอบครัวที่ที่ดูแลอบรมมาอย่างดี กำลังใจจากเพื่อนๆและที่สำคัญเลยคือคณะทันตแพทยศาสตร์แห่งนี้ ผมเกิดจากที่นี่และปัจจุบันก็ยังคงทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนอยู่ที่นี่ อาจารย์ผู้สอนทุกท่านก็ช่วยหล่อหลอมให้ผมเป็น “ขจรเกียรติ”ได้จนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ผมก็อยากจะขอบคุณสถานบันการศึกษาแห่งนี้และพยายามที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานและสั่งสอนให้ความรู้ ให้กำลังใจแก่นักศึกษา เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเติบโตไปเป็นทันตแพทย์ที่ดีต่อไปในอนาคตครับ

