
อาจารย์ ทันตแพทย์เดชศักดิ์ นาคะปักษิราช
สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชา Clinical Education ณ The University of Edinburgh ประเทศสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
แนะนำตัว
สวัสดีครับ ผมชื่อเดชศักดิ์ นาคะปักษิราช ชื่อเล่น นกครับ จบทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ในปี พ.ศ. 2546 จากมหาวิทยาลัยมหิดล ก็เมื่อ 18 ที่แล้วเอง 555 จากนั้นบรรจุเป็นอาจารย์ สังกัดโรงพยาบาลทันตกรรมก่อนครับ แล้วได้โอกาสเรียนต่อหลักสูตรทันตแพทย์ประจำบ้าน สาขาทันตกรรมทั่วไป และได้รับวุฒิบัตรสาขา ทันตกรรมทั่วไปในปี 2550 จากนั้นจึงย้ายสังกัดเข้ามาเป็นอาจารย์ในภาควิชาภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปากและปริทันตวิทยาครับ
อยากให้อาจารย์อธิบายที่มาที่ไปของทุนที่อาจารย์ได้รับและการศึกษาต่อ
คือผมได้รับทุนพัฒนาอาจารย์ในการไปศึกษาต่อต่างประเทศระดับปริญญาโท-เอก ของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ ในปี 2557 คือทุนนี้ทางคณะจะเปิดรับสมัครเป็นประจำอยู่แล้วทุกปีครับ ก่อนหน้าที่ผมจะสมัครทุนนี้ ผมยังไม่มีความคิดที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศเลยครับ ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบและการงานที่มี รวมถึงระดับการศึกษาในขณะนั้น ก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว อีกอย่างก็ประเมินแล้วว่าตัวเองยังมีทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษที่อ่อนด้อยมาก จึงคิดว่าการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ แต่มีอยู่วันหนึ่ง ผศ.ทพ.บัณฑิต จิรจริยาเวช ซึ่งขณะนั้น อาจารย์เป็นรองคณบดีฝ่ายการศึกษาอยู่ ก็ได้มาถามว่าสนใจไปเรียนต่อด้านการศึกษาหรือไม่ ก็ตอบไปแบบไม่ลังเลเลยครับว่าสนใจ เพราะโดยส่วนตัวชอบการสอนอยู่แล้ว มีความสุขที่ได้เป็นคนให้ความรู้แก่นักศึกษา และใส่ใจทุ่มเท ให้กับการสอนค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องภาษาอังกฤษอยู่มาก ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาในการเตรียมตัวเรื่องภาษาอังกฤษ อยู่เกือบ 2 ปี กว่าจะสอบได้ผลคะแนนภาษาอังกฤษที่ทางมหาวิทยาลัยต้องการครับ และในที่สุดก็ได้ไปเรียนครับ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ประกอบกับอาจารย์ในภาควิชาเวชศาสตร์ช่องปากและปริทันตวิทยาที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เลยครับ ครับ
สาขาวิชาที่เรียน เรียนที่ไหน ใช้ระยะเวลาในการเรียนกี่ปีคะ
เริ่มต้นผมต้องไปเรียนระดับปริญญาโทก่อนครับ สาขา Medical Education ที่ University of Dundee ประเทศสก็อตแลนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ครับ จากนั้นผมย้ายไปเรียนต่อระดับปริญญาเอก สาขา Clinical Education ที่ University of Edinburgh ประเทศสก็อตแลนต์เช่นกันครับ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี รวมๆระยะเวลาที่ไปเรียนแล้ว ก็เกือบๆ 6 ปีครับ
ต้องปรับตัวเองมากไหมคะ และแบ่งเวลาระหว่างเรื่องเรียนกับเรื่องส่วนตัวอย่างไรบ้าง อาหารการกิน
ต้องปรับตัวอย่างมากเลยครับ โดยเฉพาะด้านการสื่อสารกับผู้คนที่นี่ อย่างที่บอกว่าทักษะภาษาอังกฤษของผมก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว คนสก็อตแลนด์เขาก็ใช้ภาษาอังกฤษนะครับ แต่สำเนียงนี่คือฟังยากมาก ขนาดคนอังกฤษเอง หลายๆครั้งยังฟังคนสก็อตแลนด์พูดไม่เข้าใจเลย ดังนั้นช่วงแรกที่ไปอยู่ คือบอกเลยว่าหูดับมาก ฟังไม่รู้เรื่องเลยครับ ก็จะมีปัญหามากพอสมควร ทำให้ช่วงแรกบอกเลยว่าไม่กล้าพูดกับใครเลย แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมที่เหมือนโดนบังคับให้เราต้องพูด ต้องฟังเยอะๆ กลับมาที่บ้านก็เปิดช่อง Youtube หรือ ดูรายการโทรทัศน์ที่มีชาวสก็อตแลนด์เป็นคนดำเนินรายการ เพื่อฝึกฟังและให้คุ้นชินกับสำเนีบงของเขา ช่วงหลังๆ ก็เริ่มดีขึ้นนะครับ แต่ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่าก็บางครั้งก็ยังฟังไม่ออก สำเนียงเขาฟังยากจริงๆ
ในด้านการเรียน ก็จะต้องมีนัดเจอกับอาจารย์ที่ปรึกษา ก็จะแจ้งกับอาจารย์ก่อนเลยครับ ว่าทุกครั้งที่มีการนัดคุยกัน จะขออนุญาตอัดเสียงไว้ทุกครั้ง เพราะระหว่างที่สนทนากัน เราอาจจะเก็บประเด็นที่อาจารย์พูดได้ไม่หมด การอัดเสียงและมาเปิดฟังทีหลังก็ช่วยให้เข้าใจมากขึ้น และเก็บรายละเอียดต่างๆได้มากเลยครับ ช่วงหลังเลิกเรียน หรือวันหยุดถ้าไม่ได้ไปไหน ผมก็ชอบไปห้องสมุดครับ ไปอ่านหนังสือ ค้นคว้าทำการบ้านที่นั่น หลายๆครั้งก็จะอยู่ที่ห้องสมุดถึง 4-5 ทุ่มเลยครับ ค่อยกลับบ้าน โดยก็จะพกข้าวกล่องมากินด้วยในช่วงที่อยู่ที่ห้องสมุด คือผมไม่ชอบอยู่ที่บ้านทั้งวันครับ เพราะอยู่บ้านแล้วขี้เกียจครับ งานไม่เดิน อีกอย่างเป็นการประหยัดค่าไฟที่ห้องด้วยครับ 555 ผมชอบห้องสมุดที่นี่มาก คือเปิดให้นักศึกษาเข้าไปใช้บริการได้ 24 ชั่วโมงเลย เครื่องคอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีให้พร้อมครับ นอกจากนี้ผมก็จะมีการแบ่งเวลาไปออกกำลังที่ยิมด้วย เป็นประจำเกือบทุกวันครับ อันนี้ก็ขาดไม่ได้เลย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งยิมก็จะเป็นยิมของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากห้องสมุดครับ สามารถเดินไปได้ เบื่อๆ ก็ไปออกกำลังกาย ออกกำลังกายเสร็จ ก็กินข้าวสักหน่อย และพร้อมทำงานต่อได้เลย บางครั้งก็จะออกไปเที่ยวที่เมืองอื่นๆบ้างครับ ก็จะสัญญากับตัวเองไว้ว่า ในแต่ละเดือน จะต้องมีออกไปเที่ยวที่ต่างๆ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เป็นการให้รางวัลแก่ตัวเองบ้างครับกับการทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ ก็จะนัดไปกับเพื่อนๆที่เรียนอยู่ด้วยกัน หรือกับเพื่อนคนไทยที่มารู้จักกันที่นี่ หรือหลายๆครั้ง ก็จะลุยเดี่ยว ไปคนเดียวครับ ก็สนุกไปอีกแบบ เพราะการเดินทางที่นี่ บอกเลยว่าการคมนาคมขนส่งที่นี่ดีมากๆครับ สะดวกมากๆ ไม่ว่าจะไปส่วนไหนของประเทศนี้
ในเรื่องของอาหารการกิน ก็คงไม่ได้ปรับตัวอะไรมากสำหรับผม เพราะผมเป็นคนกินได้ทุกอย่าง ไม่ได้ติดอาหารไทยขนาดนั้นครับ ไม่ได้ถึงขนาดต้องไปสรรหาวัตถุดิบ เพื่อมาทำอาหารไทยที่อยากกินขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็จะทำกินเองแบบง่ายๆ ครับ ซื้อวัตถุดิบที่หาซื้อได้ทั่วไปใน supermarket ที่นี่ อาจจะมีต้องไปร้าน supermarket จีนบ้าง เมื่อต้องไปซื้อพวกซีอิ๊ว หรือน้ำจิ้มสุกี้ ที่ supermarket ทั่วไปไม่มีขายครับ แล้วก็จะมีออกไปกินข้าวข้างนอกบ้านตามร้านอาหารบ้างครับ เมื่อมีเพื่อนมาชวน หรือมีการนัดทำอาหารแล้วกินด้วยกันบ้างครับ
มีเพื่อนคนไทยบ้างไหม
มีเยอะเลยครับ จริงๆการที่ได้รู้จักเพื่อนๆคนไทย ตอนมาเรียนต่างแดนแบบนี้ ช่วยได้มากเลยครับ เพื่อนบางคนเขามาเรียนก่อนผม เขาก็สามารถที่จะแนะนำ การใช้ชีวิตต่างๆ แนะนำร้านอาหารที่อร่อย สถานที่ไหนควรต้องไปเที่ยวบ้าง อะไรแบบนี้ อีกทั้งบางทีเราก็จะได้รับของมรดกตกทอดที่เพื่อนๆที่เพิ่งเรียนจบกลับไป แต่ไม่ได้ขนของบางอย่างกลับไปด้วย เราก็จะได้รับมรดกเหล่านั้นมาใช้ต่อครับ เช่นหม้อหุงข้าว อุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ ก็ไม่ต้องซื้อเอง 555 ประหยัดได้อีกทางหนึ่ง มีตอนหนึ่งที่ผมต้องย้ายที่เรียนปริญญาเอกไปที่เมือง Edinburgh ตอนนั้นผมไม่รู้จักคนไทยที่อยู่ที่นั่นเลยสักคนเดียว และตอนนั้นที่ย้ายไปก็ยังหาที่พักอาศัยไม่ได้ด้วย โชคดีที่มีเพื่อนที่เป็นรุ่นน้องที่เรียนอยู่ที่ เมือง Dundee ด้วยกัน รู้จักน้องคนไทยคนนึงที่เรียนอยู่ เมือง Edinburgh ก็เลยแนะนำให้รู้จัก น้องเขาก็ใจดีให้ไปพักอาศัยอยู่ด้วยก่อนชั่วคราวครับ จนกว่าจะได้ที่อยู่ที่แน่นอนครับ ซึ่งก็เป็นความประทับใจมากครับ ยังไงคนไทย แม้จะอยู่ต่างแดน แต่เราก็ให้ความช่วยเหลือกันครับ
ฝากทิ้งท้าย
ความมุ่งมั่น และตั้งใจ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จะนำพาให้เราประสบความสำเร็จครับ ไม่ว่าจะด้านการเรียน หรือการทำงาน จากคนที่ภาษาอังกฤษอ่อนแอมาก ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็สามารถได้มาเรียนต่อต่างประเทศ และสำเร็จการศึกษาได้ครับ ที่เล่าๆมาจริงๆแล้ว ยังมีรายละเอียดอีกมากครับ ช่วงระหว่างที่เรียนก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นมากมายครับ บอกเลยว่าตอนนั้นรู้สึกท้อ และถอดใจไปหลายครั้งมากครับ แต่ก็สามารถผ่านพ้น และเอาชนะเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ กำลังใจจากครอบครัว อาจารย์ที่คณะ และเพื่อนๆที่เป็นกัลยาณมิตรก็มีส่วนมากๆครับ ที่ช่วยประคับประคองและสนับสนุนให้ผมมาถึงจุดนี้ได้ครับ ดังนั้นก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ สำหรับใครที่ตอนนี้กำลังเผชิญปัญหาที่ยังหาทางแก้ไขไม่ได้ ท้อได้แต่อย่าถอยครับ เหนือ่ย หนัก ก็วางมันลงก่อน พักก่อน พร้อมแล้วค่อยลุยต่อครับเดินหน้าต่อไป ความสำเร็จต้องเป็นของเราสักวันหนึ่งครับ ผมชอบเปรียบตัวเองเป็นหอยทากครับเดินช้าๆ แต่สุดท้ายไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ครับ