
ชื่อ : กัญญาพร เกษมสันต์ ณ อยุธยา
ชื่อเล่น : เพลง
ปัจจุบันทำอะไรอยู่คะ : เพิ่งจบปี 6 ค่ะ ตอนนี้กำลังจะไปใช้ทุนที่จังหวัดนครพนม
ได้ก้าวเข้ามาสู่แวดวงนี้ได้อย่างไร
เริ่มจากเป็นคนรักสัตว์ แล้วก็ชอบม้า คือรู้สึกว่าม้าเป็นสัตว์ที่สวย สง่า เป็นสัตว์ใหญ่ เค้าดูมีพลัง ดูแข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยน น่ารัก ตอนเด็กๆเวลาไปเที่ยวที่ไหน ถ้ามีม้านี่คือต้องขอขี่ตลอดเลย ชอบมาก ครั้งนึงตอน ม.2 ไปทัศนศึกษาที่ฟาร์มโชคชัยแล้วเห็นคนขี่ม้า ก็รู้สึกว่ามันใช่ เราอยากเป็นคนที่อยู่บนหลังม้าแบบนั้นบ้าง กลับมาจากทริปก็เล่าให้คุณพ่อฟังว่าเราชอบ คุณพ่อเลยพาไปลองขี่ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนขี่ม้าค่ะ หลังจากนั้นก็ขี่มาเรื่อยๆ จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ 11 ปีแล้ว
ใช้เวลาในการฝึกก่อนการลงแข่งขันนานหรือไม่
ฝึกเพื่อแข่งจริงๆอาจจะไม่นานมากค่ะ 2-3 เดือนก่อนแข่ง แต่จริงๆมันต้องเตรียมตัวก่อนหน้านั้นมาเยอะมาก เพราะการฝึกม้ามันต้องใช้เวลา ค่อยเป็นค่อยไป ม้ากับคนขี่ก็ต้องเข้ากันได้ ต้องเข้าใจกันเป็นอย่างดี เพลงมาเจอม้าตัวที่แข่งด้วยเมื่อประมาณสองปีก่อน หลังจากเจอม้าตัวนี้ก็ฝีกจริงจังเลยค่ะ ไปขี่อาทิตย์ละ 6 วัน ให้ม้าพัก 1 วัน ตั้งแต่ตอนอยู่ปี 5 อะค่ะ เลิกคลินิกปุ๊บ รีบไปขี่ม้า เพื่อนๆจะเห็นตลอดว่ารีบมาก
สำหรับกีฬานี้เรามีม้าเป็นนักกีฬาด้วย เราต้องเตรียมทั้งตัวเองและม้าให้พร้อม จริงๆขี่ม้านี่เหนื่อยนะคะ ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกาย หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่น่าจะเหนื่อย ดูเหมือนเรานั่งเฉยๆ แต่ถ้ามาลองขี่จริงๆจะรู้เลย คนไม่เคยขี่ สิบห้านาทีก็หายใจทางปากแล้วนะ มันก็เหมือนกีฬาอื่นอะค่ะ ที่นักกีฬาก็ต้องฟิตพอ นี่คือรวมถึงทั้งคนและม้าด้วย เราเลยต้องไปขี่ตลอด ฝึกตัวเอง ฝึกม้า และให้ม้าได้ออกกำลังกาย
ความรู้สึกหลังจากได้รับรางวัลนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ
ดีใจมากค่ะ มันเป็นรางวัลที่ได้ในฐานะที่เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย แล้วเป็นปีสุดท้ายของเราแล้วด้วย อยู่ปี 6 แล้ว แก่ที่สุดในทีม ดีใจที่มีโอกาสได้แข่งก่อนจบพอดี ต้องขอบคุณน้องๆในทีมศิลปะบังคับม้ามหิดล ทีมเรามีสามคนค่ะ น้องอีกสองคนเรียนอยู่ international collage วันนั้นน้องๆขี่ได้ดีมาก เลยทำให้ได้เหรียญเงินในประเภททีม
ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับม้านานหรือไม่
ม้าทีเพลงขี่ชื่อ โฟล์ค ค่ะ รู้จักกันมาประมาณ 2-3 ปี ขี่และฝึกกับโฟล์คมาตลอดก็เลยคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วม้าแต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกันค่ะ เราต้องเรียนรู้ ตอนที่ลองขี่โฟล์คครั้งแรกนี่คือเหมือนปิ๊งเลย รู้สึกว่าเข้ากันได้ เหมือนคุยกันรู้เรื่องอะค่ะ คือเป็นม้าที่ใช่สำหรับเรา พอเจอแล้วก็เลยมีแรงบันดาลให้ตั้งใจฝึก คนอื่นที่มาขี่โฟล์คก็ขี่ไม่ได้ดีเท่าเรานะ แล้วเวลาเพลงไปขี่ม้าของเพื่อนก็จะขี่ไม่ดีเท่าเพื่อนเหมือนกัน เพลงว่ามันต้องคลิกกันอะค่ะ คล้ายๆเวลาตามหาเนื้อคู่เลย
กีฬานี้ต้องอาศัยความสัมพันธ์ของคนกับม้า เราจะเหมือนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลยค่ะ คนขี่กับม้าจะรู้ใจกันจริงๆ กับม้านี่เราไม่ได้สื่อสารกันได้ด้วยคำพูดแบบคน ต้องใช้เวลาสังเกตกันและกัน อยู่ด้วยกันไปนานๆมันจะเหมือนเรามีภาษาของเราเองเลยค่ะ เราจะสื่อสารกันได้เข้าใจโดยไม่ต้องพูด เป็นความรู้สึกที่เจ๋งมาก
มีอะไรอยากจะฝากถึงเยาวชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับกีฬาชนิดนี้บ้างคะ
กีฬาขี่ม้าเป็นกีฬาที่แตกต่าง เพราะเราไม่ได้เล่นคนเดียว แต่เราอยู่กับสิ่งที่มีชีวิต เค้ามีความคิด มีอารมณ์ ความรู้สึก ม้าแต่ละตัวก็มีนิสัยแตกต่างกัน การขี่ม้าในทุกๆวันจึงไม่เคยเหมือนกัน มันเลยเป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมาก การขี่ม้าทำให้เราได้อะไรหลายๆอย่างนะคะ เพราะการที่จะควบคุมสัตว์ใหญ่อย่างม้าได้ เราต้องมีความกล้า มีความมั่นใจ ในขณะเดียวกันก็ต้องอ่อนโยน ช่างสังเกต กีฬานี้ไม่ได้สนุกแค่ตอนขี่ เราจะได้ดูแลได้ใกล้ชิดกับม้า เค้าอาจจะดูตัวใหญ่แต่จริงๆเป็นสัตว์ที่น่ารักมาก
หลายคนอาจจะคิดว่าขี่ม้าเป็นกีฬาของคนไฮโซ เป็นกีฬาที่แพง จริงๆไม่ใช่นะคะ ใครๆก็ขี่ได้ เดี๋ยวนี้มีที่ขี่ม้าหลายที่เลยที่ราคาไม่แพง และเราไม่ต้องมีม้าเป็นของตัวเองด้วย
อีกเรื่องที่อยากฝากถึงน้องๆที่เรียนทันตะ หรือคณะอื่นๆนะคะ การเรียนของเรามันหนักจริง แต่ถ้าเราแบ่งเวลาให้ดี เราสามารถทำกิจกรรมอื่นๆควบคู่ไปด้วยได้ ชีวิตเรามันมีอะไรมากกว่าตำรานะ การเรียนสำคัญค่ะ แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้าใครที่มีความฝัน หรือรักในการทำอะไรซักอย่าง อย่าทิ้งเลยค่ะ ลองแบ่งเวลาดีๆ มากน้อยตามที่ตัวเองทำได้ เพลงว่ามันไม่ได้กระทบกับการเรียนของเรามากขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่เราทำทุกอย่างให้เต็มที่ อย่างเรียนทันตะ เวลาเรียนเราก็เรียนเต็มที่ ทำคนไข้ เราก็ตั้งใจให้เต็มที่ พอเสร็จจากการเรียนแล้ว ลองหากิจกรรมที่เราสนใจทำค่ะ จะเล่นกีฬา เล่นดนตรี หรืออะไรก็ได้ เราอาจจะเหนื่อยมากขึ้นนิดหน่อย แต่เพลงว่าชีวิตจะมีสีสันและมีความสุขมากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

